รายงานพิเศษ ศึกเลือกตั้งซ่อม สส.สงขลา โค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง ที่”แพ้ไม่ได้” สำหรับการเลือกตั้งเขต 6 สงขลา ของ “ประชาธิปัตย์” และ “เดชอิศม์ ขาวทอง”
รายงานพิเศษ ศึกเลือกตั้งซ่อม สส.สงขลา โค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง ที่”แพ้ไม่ได้” สำหรับการเลือกตั้งเขต 6 สงขลา ของ “ประชาธิปัตย์” และ “เดชอิศม์ ขาวทอง”
มีการพูดถึงมาก สำหรับสนามเลือกตั้งซ่อม เขต 6 จ.สงขลา ครั้งนี้ว่า สุภาพร กำเนิดผล ( น้ำหอม) ผู้สมัคร สส.หมายเลข 1 ของพรรคประชาธิปัตย์ แพ้ได้ แต่สำหรับ เดชอิศม์ ขาวทอง ผู้ทำหน้าที่ ผู้อำนวยการเลือกตั้ง สส.เขต 6 พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง ห้อยท้ายด้วย ตำแหน่ง สส.เขต 5 สงขลา และ รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ของ ประชาธิปัตย์ แพ้ไม่ได้เด็ดขาด
ในขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งส่ง ผู้สมัครลงแข่งขันทุกสนามที่มีการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งเป็น “ที่นั่ง”ของ ประชาธิปัตย์ โดยไม่สนใจกับคำว่า”พันธมิตร” พรรคร่วมรัฐบาล และ “มารยาท”ของทางการเมือง เพราะ พลังประชารัฐ ต้องการแสดงให้เห็นถึง”พลัง” ทางการเมือง ที่ต้องการเป็นพรรคอันดับ 1 ในการเลือกตั้งในสมัยหน้า ที่สำคัญ พลังประชารัฐ “ฮึกเหิม” เพราะในการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา พลังประชารัฐ ชนะทุกสนามเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็น ถิ่นของ”เพื่อไทย” ในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ซึ่งเป็น ถิ่นของ”ประชาธิปัตย์” เช่น ที่ จ.นครศรีธรรมราช
การที่ พลังประชารัฐส่ง อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ( โบ๊ต ) ลูกชายของ อนันต์ พฤกษานุศักดิ์ ซึ่งเป็นอดีต นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสะเดา จ.สงขลา และเป็น กลุ่มทุน ในโรงงานผลิตถุงมือยางรายใหญ่ของประเทศ ที่เรียกได้ว่าเป็น “คหบดี” รายใหญ่ของ จ.สงขลา เรื่องของ”ทุน” เพื่อใช้ในการสนับสนุน ให้”ลูกชาย” เดินสู่”สภาหินอ่อน” จึงไม่ใช่เรื่องยาก โดยเฉพาะ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ “บิ๊กป้อม” ประกาศชัดเจนว่า สนามเลือกตั้ง ทั้งที่ จ.สงขลา และ ชุมพร พลังประชารัฐ “กวาดหมด” และเพื่อให้คนเขต 6 เห็นว่า พลังประชารัฐ สู้จริง ไม่มีการ “ซูเอี๋ย” หรือ “เกี้ยเซี๊ยะ” กัน “บิ๊กป้อม” ยอมที่จะลากสังขาร หิ้วเอา ลูกรัก อย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ขึ้นเวที หาเสียงให้กับ ผู้สมัครหมายเลข 3 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับ กลุ่มผู้สนับสนุน
ดังนั้นสนาม เลือกตั้งซ่อมเขต 6 สงขลา ซึ่งมีพื้นที่ อ.สะเดา ยกเว้น ต.สำนักขาม และ สำนักแต้ว อ.คลองหอยโข่ง และ ต.บ้านพรุ,บ้านไร่ และ พะตง อ.หาดใหญ่ จึงเป็นสนามที่ “ดุเดือด”อย่างยิ่ง และถึงจะมีผู้สมัครจากพรรคอื่นๆ เช่น พรรคกล้า และพรรคก้าวไกล แต่ดูเหมือนความสนใจของคนในเขต 6 ต่างจับจ้อง และ ติดตาม การแข่งขันระหว่าง ผู้สมัครหมายเลข 1 สุภาพร กำเนินผล ( น้ำหอม ) และ อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ( โบ๊ต ) เท่านั้น
ถ้าเทียบกัน “ปอนด์ต่อปอนด์” ของการชิงชัย หรือการ”ต่อสู้” ของทั้ง พลังประชารัฐ และ ประชาธิปัตย์ ในครั้งนี้ อย่าได้เอาการเลือกตั้งซ่อมที่ สนาม นครศรีธรรมราชมาเปรียบเทียบ เพราะมีหลายอย่างที่ไม่เหมือนกัน เพราะสนามนี้ผู้ที่รับผิดชอบ คือ สส.เดชอิศม์ ขาวทอง หรือที่คนสงขลาส่วนหนึ่งจะเรียกกันติดปากว่า”นายกชาย” และ ผู้สมัครของประชาธิปัตย์ ในครั้งนี้ คือ สุภาพร กำเนิดผล “น้ำหอม” เป็น ภรรยา และที่สำคัญ “นายกชาย” เพิ่งจะได้รับการเลือกให้เป็น รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ซึ่ง สนามเลือกตั้งเขต 6 คือสนามที่ชี้ขาด บนเส้นทางการเมืองของเขา และมองไปถึง อนาคต ของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าอีกด้วย
จุดแข็ง แห่งหนทางไปสู่ชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์เขต 6 สงขลา อยู่ที่ การบริหารจัดการ หรือการมี”ยุทธศาสตร์” ที่ดีกว่า และการมี”พันธมิตร” กับคนหลาย “เครือข่าย” ทั้งในพื้นที่ และนอกพื้นที่ของ”นายกชาย” ที่เหนือกว่า การที่เป็นอดีต นายก อบจ. 2 สมัย และความเป็น” นักเลง” ที่คนใน”เครือข่าย” ทั้ง การเมือง และ “นักเลง” ให้ ฉายาว่า “ใจถึง พึ่งได้” และเป็นคนที่ “จริงใจ “กับคนรอบข้าง รวมทั้งเป็นคน”กระเป๋าตื้น” หมายถึง “ควักง่าย จ่ายเร็ว “ เป็นจุดแข็ง ที่ฝ่ายตรงข้ามประมาทไม่ได้ แม้ว่าถ้าจะเทียบเรื่อง”ทุน” ส่วนตัว “นายกชาย” จะสู้ฝ่ายของ พลังประชารัฐ และ ผู้สมัครหมายเลข 3 แบบ”หลุดลุ่ย”ก็ตาม
การมีประสบการณ์ทางการเมือง ตั้งแต่เป็น นายก อบจ. และ เป็นผู้สมัคร สส. ที่มีทั้งแพ้ ทั้งชนะ คือการ”สั่งสมประสบการณ์ ที่ทำให้ “นายกชาย” มีความ”ช่ำชอง” ในเรื่องการเมืองท้องถิ่น การเมืองระดับชาติ เพราะก่อนหน้านี้เคย ส่ง ไพเจน มากสุวรรณ์ ให้เป็น นายก อบจ.สงขลา และ ส่ง พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ให้เป็น นายกเทศบาลนครหาดใหญ่มาแล้ว ซึ่งคนในแวดวงการเมืองทราบดีว่า “นายกชาย” คือผู้วาง”ยุทธศาสตร์” ในการเลือกตั้งที่นำไปสู่ชัยชนะทั้ง 2 สนาม ที่สำคัญอีกอย่าง การทำเวทีปราศรัยของ “ประชาธิปัตย์” มี”ขุนพล”ที่ดีกว่า และจำนวนผู้ฟังการปราศรัยมากกว่า เกือบทุกเวที แม้ว่า ประเด็นนี้ จะไม่ใช้จุด”ชี้ขาด” เพราะมี”ปัจจัย”อื่นซ่อนอยู่ แต่ภาพที่ออกมา “ประชาธิปัตย์” จึงดูดีกว่า แน่นอน
แม้ว่า ณ วันนี้ การเลือกตั้งในเขต 6 หัวคะแนนสำคัญสำหรับการเลือกตั้งทุกครั้งคือผู้นำท้องที่ ( กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ) และ ผู้นำท้องถิ่น ( นายก อบต. ) จะถูกแบ่ง 2 แต่ เมื่อตรวจสอบแล้ว ยังพบว่าทีมที่ให้การ สนับสนุน”นายกชาย” ยังเหนือกว่าอยู่เล็กน้อย ที่สำคัญ “หัวคะแนน” ที่อยู่กับ”นายกชาย” จะมีความ”ชัดเจน” รับปากแล้ว ไม่มีการ “บิดพลิ้ว” ภายหลัง และทุกคนเดินแบบ”เต็มสูบ”
ในตัวของผู้สมัครหมายเลข 1 แม้ว่า จะถูก โจมตีค่อนข้างมากว่าเป็นคนในครอบครัวของ เดชอิศม์ ขาวทอง แต่ความเป็น”ผู้หญิง” เพียงคนเดียวของผู้สมัคร และเคยผ่านการ”หาเสียง” ในฐานะที่เป็น “รองนายก” อบจ.สงขลา มาแล้ว จึงมีประสบการณ์ในการ”หาเสียง” ในระดับหนึ่ง และที่ผ่านมา ที่ทำหน้าที่ รองนายก อบจ.มาแล้ว ก็ทำให้มี”เครือข่าย” ทางการเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะในกลุ่ม “ผู้หญิง” ยังเป็น”จุดได้เปรียบ สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้
ส่วนผู้สมัคร พลังประชารัฐ หมายเลข 3 คือ เรื่องของการเป็นคน”สะเดา”แม้จะไม่เคยลงสนามการเมือง ไม่ว่า เล็ก หรือ ใหญ่ แต่ ครั้งนี้มี “อนุกูล” ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องมาก่อนแล้ว และมี ส.อบจ.เขต อ.สะเดา ที่เป็น”อา” และทีมงาน ที่ผ่านประสบการณ์ การเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นมาแล้วเป็น”พี่เลี้ยง” และ มีทีม การเมืองท้องถิ่น ใน พื้นที่ ให้การสนับสนุนที่ ซึ่ง“ประชาธิปัตย์” ประมาทไม่ได้
วันนี้ ทุกฝ่ายมองว่า”กระแส” และ”กระสุน” อยู่ที่ผู้สมัครของ”พลังประชารัฐ” โดยเฉพาะ”อำนาจรัฐ” ตำรวจ,ทหาร ,ปกครอง และ อื่นๆ ถูก”สั่งการ” ให้เป็นผู้สนับสนุนผู้สมัครของพรรคอย่างเต็มที่ เพราะการ”ล้ม” ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ หมายถึงการ “โค่น” เดชอิศม์ ขาวทอง “ นายกชาย” ผู้เป็น แม่ทัพในภาคใต้ ในการเลือกตั้งสมัยหน้าที่ พลังประชารัฐ “หมายมั่น” ที่จะ”ปักธง” เพิ่มจำนวน สส.ในภาคใต้เพิ่มขึ้น เพราะง่ายกว่า การไป”ปักธง” ในพื้นที่ของ”เพื่อไทย” ในภาคเหนือ และ อีสาน
แต่…จุดอ่อนของ พลังประชารัฐ และ ทีมผู้สมัครหมายเลข 3 คือการ”บริการจัดการ” เรื่องของ”หัวคะแนน” ที่ยังไม่”ช่ำชอง” เท่ากับ “นายกชาย” เพราะโอกาสที่ หัวคะแนน จะ”บิดพลิ้ว” แอบ”ตีกิน” การใช้วิธีการ”ตีปลาหน้าไซ” และเดินแบบไม่”เต็มสูบ” มีโอกาสเกิดขึ้นสูง เพราะบารมีทาง การเมือง และการเป็น”นักเลง” ที่เทียบชั้นกันไม่ได้และ”กระแส” บางครั้งก็ไม่ได้หมายความว่าจะเพิ่มจำนวน”บัตร” ใน หีบเลือกตั้งให้ตนเอง และ”กระสุน” ถ้า ยิงไม่เข้าเป้า ก็หมายถึงการ”ยิงนกตกปลา”ที่สำคัญ “อำนาจรัฐ” เอง ก็อาจจะใช้ได้ไม่เต็มที่ สำหรับพื้นที่ เมืองชายแดนอย่าง”สะเดา” และ เมือง”นักเลง”อย่าง “คลองหอยโข่ง”
สรุปสุดท้าย การเลือกตั้งที่จะมีการ”หย่อนบัตร” เพื่อการ”ชี้ขาด”ในวันที่ 16 มค. ซึ่งเป็น “วันครู” พรรคประชาธิปัตย์ ที่มี เดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ยังใช้ประสบการณ์ทางการเมือง และ “เครือข่าย” ของ “พันธมิตร” ในการรักษาที่นั่งเดิมที่เป็นของ”ประชาธิปัตย์” ในเขต 6 ไว้ได้
นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา