อุทัยธานี – พล.อ.ประวิตรตรวจภัยแล้ง กำชับทุกหน่วยลุยแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำให้กับประชาชน ณ หอประชุมอำเภอบ้านไร่
อุทัยธานี – พล.อ.ประวิตรตรวจภัยแล้ง กำชับทุกหน่วยลุยแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำให้กับประชาชน ณ หอประชุมอำเภอบ้านไร่
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2565 เวลา 14.00.น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี “ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์” อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล รายงานการบริหารจัดการน้ำแล้ง “น้ำกินน้ำใช้ ต้องไม่ขาดแคลน” ลุยแก้ภัยแล้งจังหวัดอุทัยธานี มีบ่อน้ำบาดาลใช้งานได้ถึง 1,579 แห่ง แบ่งเป็นบ่อน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร 114 แห่ง และบ่อน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภค 1,465 แห่ง พร้อมนำน้ำดื่มสะอาด 7,500 ลิตร ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เดือดร้อน ณ หอประชุมอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี โดยมีนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้การต้อนรับ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน
นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า จังหวัดอุทัยธานีมีพื้นที่ป่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่จังหวัด สภาพพื้นที่เป็นที่ราบเชิงเขา ไม่มีแหล่งน้ำต้นทุนที่เพียงพอ แหล่งกักเก็บน้ำก็ใช้น้ำฝนเป็นหลักขณะที่ประชากรประมาณร้อยละ 80 ทำอาชีพเกษตรกรรมน้ำฝน มีพื้นที่การเกษตรกว่า 1.4 ล้านไร่ แต่อยู่ในเขตชลประทานเพียง 230,000 ไร่ และไม่สามารถสนับสนุนน้ำสำหรับทำการเกษตรได้อย่างพอเพียง ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนยังไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้ง จังหวัดอุทัยธานีได้ประกาศพื้นที่ภัยแล้ง 68 ตำบล จาก 70 ตำบลทั้งจังหวัด ส่งผลให้ภาคการเกษตรพัฒนาได้อย่างไม่เต็มศักยภาพ
นอกจากนี้ จังหวัดอุทัยธานี โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านทิศตะวันตกของจังหวัด ได้แก่ อำเภอบ้านไร่ ห้วยคต และลานสัก เป็นพื้นที่หาน้ำบาดาลยากมาก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวรองรับด้วยหินแข็งจำพวกหินแปร หินปูน และหินแกรนิต ประกอบกับมีลักษณะทางธรณีวิทยาโครงสร้างที่สลับซับซ้อน จึงทำให้การเจาะและพัฒนาน้ำบาดาล ในพื้นที่มักจะไม่ประสบผลสำเร็จ ต้องอาศัยเทคนิคและวิชาการขั้นสูงในการสำรวจหาแหล่งน้ำบาดาล อีกทั้งต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์สูงของช่างเจาะ จึงจะสามารถพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นมาให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวต่อว่า ในฐานะที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเป็นองค์กรหลักที่มีองค์ความรู้ ความชำนาญ และมีเครื่องมือที่ทันสมัย จึงพยายามค้นหาแหล่งน้ำบาดาลใหม่ๆ ในพื้นที่ เพื่อนำมาให้พี่น้องประชาชนใช้ในการอุปโภคบริโภคและการเกษตร โดยมีเป้าหมาย คือ “ทุกพื้นที่ของประเทศไทย ต้องมีน้ำกินน้ำใช้ไม่ขาดแคลน” ซึ่งปัจจุบันจังหวัดอุทัยธานีมีบ่อน้ำบาดาลที่สามารถใช้งานได้ จำนวน 1,579 แห่ง แบ่งเป็นบ่อน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร จำนวน 114 แห่ง และบ่อน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภค จำนวน 1,465 แห่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563-2565รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลช่วยเหลือประชาชนจังหวัดอุทัยธานีผ่านโครงการต่างๆ กว่า 22 โครงการ อาทิ โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่หาน้ำยาก โครงการพัฒนาน้ำบาดาลด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ขนาดพื้นที่ 500 ไร่ โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชน เป็นต้น ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก ทั้งด้านเกษตรกรรมและด้านอุปโภคบริโภค ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายและมอบถังน้ำให้กับนายอำเภอ 8 อำเภอ และเป็นประธานปล่อยแถวทีมดับไฟป่าและปล่อยขบวนรถบรรทุกน้ำเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้มอบหมายให้สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 สุพรรณบุรี นำน้ำดื่มสะอาด จำนวน 7,500 ลิตร ส่งมอบให้แก่ประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้งเป็นการเบื้องต้นแล้ว
หลังจากนั้นกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ บ้านพุบอน หมู่ 5 ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี มีสมาชิกเกษตรกร 7 ราย พื้นที่มากกว่า 120 ไร่ เกษตรกรปลูกพืช มันสำปะหลัง อ้อย กล้วย และลำไย มีปริมาณน้ำรวมไม่น้อยกว่า 50,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ได้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
ต่อมาได้เดินทางไปวัดถ้ำเขาวง ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ร่วมงานบุญในพิธีเททองหล่อพระไสยาสน์ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.เขต 2 พร้อมหน่วยข้าราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานบุญ
ภาวิณี ศรีอนันต์ รายงาน