ศึกใหญ่ “สนธยา” เดิมพันส่ง “ปรเมศวร์ ” ลงสนามแบกศักดิ์ศรีบ้านใหญ่หวังกู้ชื่อ ทำการเมืองพัทยาเดือด ต้องซัดกันเอง “ปรเมศวร์-สินไชย”
ศึกใหญ่ “สนธยา” เดิมพันส่ง “ปรเมศวร์ ” ลงสนามแบกศักดิ์ศรีบ้านใหญ่หวังกู้ชื่อ ทำการเมืองพัทยาเดือด ต้องซัดกันเอง “ปรเมศวร์-สินไชย”
จากกรณีที่ กกต.ประกาศให้วันที่ 22 พ.ค.2565 เป็นวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และเมืองพัทยา โดยเฉพาะสำหรับการเลือกตั้งเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นที่จับตามองมากเป็นพิเศษ เนื่องจากห่างเหินจากการเลือกตั้งมานานกว่า 10 ปี ขณะที่กระแสบ๊อบ” กิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย คนท้องถิ่นมีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงที่เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนขั้วการเมืองพัทยา จากบ้านใหญ่ลงมาอยู่ในกำมือของคนท้องถิ่น เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างถูกทิศถูกทางนั้น
ปัจจุบัน มีผู้สมัครลงชิงตำแหน่งเปิดตัวแล้ว 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้สมัครอิสระ “กลุ่มรักษ์พัทยา” ที่มีแกนนำเป็น นายสนธยา คุณปลื้ม จากที่ผ่านมามีกระแสค่อนข้างชัดเจนว่าจะลงสมัครในฐานะนายกเมืองพัทยา คนต่อไป แต่ด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งในซุ้มบ้านใหญ่กับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ปัจจุบันเป็นถึงผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ จึงตัดสินใจทาบทาม “เบียร์” ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ รมช.วัฒนธรรม อดีต ส.ส.ชลบุรี บุตรชาย นายสันต์ศักดิ์ (จรูญ) งามพิเชษฐ์ อดีต รมช.สาธารณสุข และ ส.ส.หลายสมัยลงสนาม
ขณะที่ “กลุ่มพัทยาร่วมใจ” ของ นายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร อดีตนายกเมืองพัทยา ตลอด 2 ปี ที่เปิดตัวอย่างเปิดเผยว่า แตกหักจากบ้านใหญ่และพร้อมลงสู้ศึกเลือกตั้งอย่างไม่หวั่นศักดิ์ศรี โดยระบุว่า “พัทยาต้องเป็นเรื่องของคนท้องถิ่น” ที่ต้องเข้ามาบริหารจัดการเอง ไม่ใช่ปล่อยให้คนนอกเข้ามาดำเนินการ จนมีเสียงเรียกร้องและร้องขอจากประชาชน ให้กลับมาลงสนามสู้ศึกเลือกตั้งอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้ส่งน้องชาย “สินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร” อดีตนายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชล บุรี และสมาชิกสภาเมืองพัทยา ยุคล่าสุดที่ คสช.แต่งตั้ง ที่มีประสบการณ์มากมาย เข้ามาลงสนามแทน หวังสู้กับ “ปรเมศวร์” จากกลุ่มเรารักษ์พัทยาอย่างเต็มตัว โดยมั่นใจฐานคะแนนและเสียงคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการเปลี่ยนขั้วการเมือง ด้วยเสียงก่นด่าจากปัญหาการขุดเจาะถนนทั่วเมืองพัทยา
ขณะที่ “กลุ่มก้าวหน้า” ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เปิดปราศรัยอย่างยิ่งใหญ่ก่อนประกาศส่ง “บ๊อบ” กิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา หวังวัดพลังกระแสสีส้มอีกครั้ง หลังจากเคยประสบความสำเร็จมาแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในปี 2562 ในการเลือกตั้ง ส.ส.ชลบุรี เขต 7 เบียร์ ปรเมศวร์ ต้องพลาดท่าสอบตกแบบไม่น่าเชื่อให้กับ “กวินนารถ ตาคีย์” ในนามพรรคอนาคตใหม่ ด้วยกระแสการเมืองในขณะนั้น
ส่วนคนล่าสุดคือ ผู้สมัครอิสระอย่าง “ศักดิ์ชัย แตงฮ่อ” อดีตนายอำเภอบางละมุง และรองอธิบดีกรมการปกครอง ประกาศลุยเดี่ยวทิ้งชีวิตบั้นปลายไร้สังกัด เกลียดชังการถูกครอบงำ “ฝังใจรักพัทยา อยากมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา” ชี้คอนเนคชั่นทางกฎหมาย ประสานได้ทุกองค์กร ทุกระดับ
ล่าสุดวันนี้ (23 มี.ค.) ผู้สื่อขาวได้รับกรเปิดเผยจาก นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้สมัครนายกเมืองพัทยาในนาม “กลุ่มเรารักษ์พัทยา” ว่า แต่เดิมก็เคยลงสมัครเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นมาแล้วตั้งแต่ปี 2543 ในฐานะ สจ.เขตอำเภอบางละมุง ก่อนจะโยกย้ายไปทำงานในระดับชาติ แต่ก็เคยได้รับโอกาสกลับมาทำงานในตำแหน่งรองนายกเมืองพัทยา ถึง 6 เดือน จากนั้นจึงลงสมัครการเมืองระดับประเทศสุดท้าย ได้มีโอกาสไปทำงานเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมกับ ท่านอิทธิพล คุณปลื้ม อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกวางตัวให้มาลงสมัครในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร เพราะได้ผ่านงานและประสบการณ์การทำงานมาอย่างมากมาย ตั้งแต่ระดับรัฐบาลถึงท้องถิ่น จึงถือว่ามี Connection สำคัญที่สามารถประสาน ในการดึงโครงการหรือแผนพัฒนา ลงสู่เมืองพัทยาได้ไม่ยาก ซึ่งสิ่งแรกที่ต้องดำเนินการคือเรื่อง “ปากท้องของประชาชน” หลังต้องทนทุกข์เพราะพิษโควิดมานานกว่า 3 ปีแล้ว จนทำให้เมืองพัทยา กลายเป็นเมืองร้าง ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับเมืองพัทยากว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี โดยจากนี้ คงจะต้องเน้นหนักไปที่การส่งเสริมให้มีการเดินทางในประเทศเป็นหลัก เพื่อเสริมนักท่องเที่ยวต่างชาติ จาก จีน รัสเซีย อินเดีย หรือเกาหลีที่หายไป
นายปรเมศวร์ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงเมืองพัทยา กรณีที่มีการขุดเจาะถนนสร้างความเดือด ร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ว่า ที่จริงแล้วหากดูในรายละเอียดแล้วถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้น มองเห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก โดยผลักดันโครงการลงมาพัฒนาอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องของโครงการสายไฟฟ้าในเมืองใหญ่ ทั้ง 9 เส้นทางหลัก ที่จะมีการนำสายไฟและสายสื่อสารลงดิน โดยจะเห็นได้ว่าถนนตัวอย่าง เช่น ถนนพัทยาเหนือ มีความสวยงามเป็นอย่างมาก แต่ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ จึงอาจส่งผลกระทบได้ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้รัฐบาลประกาศให้ผู้รับเหมา เลื่อนระยะเวลาการทำงานออกไป เพราะปัญหาแรงงาน และยังไม่เรียกเก็บค่าปรับตามสัญญาอีกด้วย จึงทำให้เกิดความล่าช้า โดยหากได้เข้ามาทำงานก็จะเร่งรัดและเสนอแผนให้มีการจัดทำให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมไปถึงปัญหาอื่นๆ ที่จะต้องเร่งแก้ไขอีกด้วย อย่างเช่น การปรับภูมิทัศน์ชายหาด ซึ่งส่วนตัวมองว่าการอนุรักษ์ต้นไม้เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งอาจจะมีการทบทวนใหม่ โดยจะใช้ Connection ที่มีในการขอจัดสรรงบประมาณ จากรัฐบาลตามรูปแบบเมืองพิเศษให้ได้มากกว่าเดิมหรือประมาณ 1,700 ล้านบาทต่อปี รวมกับภาษีที่เรียกเก็บได้ 2,000 ล้านบาทต่อปีด้วย
นายปรเมศวร์ กล่าวว่า สำหรับการลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาในครั้งนี้ ไม่รู้สึกหนักใจอะไร เพราะมีความตั้งใจจริงในการเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง และมองว่าส่วนตัวผ่านงานมาแล้วทุกระดับ จะทำให้เกิดความสะดวกขึ้นในการประสานงาน แม้ว่าส่วนตัวจะเคยปฏิเสธงานท้องถิ่นมาแล้วถึง 2 ครั้งก็ตาม เพราะขณะนั้นยังไม่พร้อม และพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในระหว่างทีมผู้สมัคร ซึ่งเคยมาจากกลุ่มเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามวิถีการเมืองก็ต้องทำให้โคจรมาลงสมัคร และครั้งนี้มีความตั้งใจอย่างเต็มที่ว่าจะพาเมืองพัทยา ไปสู่ความเจริญได้
“อยากให้ประชาชนมั่นใจ ทีมงานในกลุ่ม “เรารักษ์พัทยา” ที่อาสามาทำงานอย่างเต็มที่ เน้นความโปร่ง ใส มีวิสัยทัศน์ เกิดประโยชน์ ถือเป็นคนทำงานยุคใหม่ พร้อมเปิดกว้างรับฟังเสียงจากประชาชน เพราะพัทยาเป็นเมืองที่มีศักยภาพและเป็นเมืองของคนพัทยา ที่ทุกคนจะต้องมีวิถีชีวิตและความสุขสบายมากขึ้น โดยพร้อมทำงานกับทุกฝ่ายไม่เน้นความแตกแยก” นาย ปรเมศวร์ ได้กล่าวในตอนท้าย
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645