เครือข่ายพัฒนาคุณภาพผู้ที่ได้รับผลกระทบตาม ว 13 บุกกระทรวงศึกษาธิการ ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เครือข่ายพัฒนาคุณภาพผู้ที่ได้รับผลกระทบตาม ว 13 บุกกระทรวงศึกษาธิการ ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
โดยเครือข่ายพัฒนาคุณภาพผู้ได้รับผลกระทบตาม ว 13 ที่ประกอบด้วยครู ผู้บริหารสถานศึกษา และบุคลากรทางการศึกษา ทั้งประเทศ จำนวน 1933 ราย นำโดยนายอาทร บุญคุ้มครอง ประธานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพผู้ได้รับผลกระทบตาม ว 13 พร้อมสมาชิก กว่า 100 นาย ทั่วประเทศ รวมพลังเดินหน้าเรียกร้องคืนสิทธิการรับรองคุณสมบัติเข้ารับการประเมินตามเกณฑ์และวิธีการ ว 13 ในการเลื่อนวิทยฐานะ ซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณารับรองคุณสมบัติเข้ารับการประเมินจากมติคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ว 13/2556
ทั้งนี้เมื่อปี 2559 ได้มีครู ผู้บริหารสถานศึกษา และบุคลากรทางการศึกษา ได้เสนอขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญเชิงประจักษ์ จำนวน 5337 ราย ผลการพิจารณาได้รับการรับรองคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน จำนวน 400 รายเศษ เป็นผู้ขอเลื่อนวิทยฐานะที่เสนอรางวัลสูงสุดระดับชาติขึ้นไป (รางวัลตรง) ทั้งสิ้น ส่วนผลงานดีเด่นที่ส่วนราชการเห็นว่ามีคุณภาพเทียบเคียงได้กับรางวัลสูงสุดระดับชาติขึ้นไป(ผลงานเทียบเทียบเคียง) ไม่ได้รับการรับรองแต่อย่างใด
เมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 ก.ค.ศ. ออกมติให้ผู้ไม่ได้รับรองคุณสมบัติที่ขอเลื่อนวิทยฐานะ ในปีดังกล่าว ขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. ได้หากเห็นว่า ก.ค.ศ. คลาดเคลื่อน ได้มีผู้ขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. จำนวน 1933 ราย ซึ่งขณะนี้ ก.ค.ศ. ได้พิจารณาและรับรองคุณสมบัติเข้ารับการประเมินเพียง 163 ราย ที่เป็นรางวัลสูงสุดระดับชาติขึ้นไป (รางวัลตรง)ทั้งหมด กรณีผลงานเทียบเคียงที่ก.ค.ศ. เคยรับรองคุณสมบัติเข้ารับการประเมินและอนุมัติมาแล้ว จำนวน 53 ผลงาน ซึ่ง ครู ผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรทางการศึกษา เสนอขอผลงานเทียบเคียงเดียวกันแต่ไม่ได้รับการรับรองคุณสมบัติ จึงไม่ได้รับความเป็นธรรม และเชื่อว่า ก.ค.ศ. ละเมิดหลักเกณฑ์และวิธีการ ว 13/2556 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งศาลปกครองพิษณุโลกได้ออกคำพิพากษากรณี
นายบรรเทิง ทานะขันธ์ ฟ้อง ก.ค.ศ. ไม่รับรองผลงานเทียบเคียง ลำดับที่ 1 และ 2 โดยให้เหตุผลว่าผู้ถูกฟ้องคดีได้มีมติไม่รับรองเป็นรางวัลสูงสุดระดับชาติแต่ผู้ฟ้องคดีนำมาเสนอเป็นผลงานเทียบเคียงจึงไม่สามารถเทียบเคียงได้ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ศาลพิพากษาให้เพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้อง
ก่อนหน้านี้เครือข่ายร้องขอความเป็นธรรมต่อทั้งเลขาธิการ ก.ค.ศ. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร โดยขอให้ ก.ค.ศ. ชลอการพิจารณาการขอทบทวนไว้เป็นการชั่วคราว และเสนอตั้งคณะกรรมภาคีที่มีผู้ได้รับผลกระทบจากการขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. เพื่อพิจารณาแก้ปัญหา แต่ ก.ค.ศ. ไม่ชลอการพิจารณา และไม่หาแนวทางแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด กลับดำเนินการพิจารณาการขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. และไม่แก้ปัญหา อุปสรรคความไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด พิจารณาวันๆ ละประมาณ 200 ราย ซึ่งเป็นการพิจารณาที่ขาดความเป็นธรรม ผิดปกติ ไม่ให้ความเสมอภาคผลงานเทียบเคียงที่ครู ผู้บริหารสถานศึกษา และบุคลากร เสนอขอทบทวน ด้วยการชี้แจงองค์ประกอบตามข้อ 13 ของผลงานเทียบเคียง 4 องค์ประกอบอย่างชัดเจนแล้ว สนับสนุนเอกสาร หลักฐาน แต่จากผลการพิจารณาของ ก.ค.ศ. ผู้ขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. รางวัลสูงสุดระดับชาติอีกจำนวนหนึ่ง และคำขอทบทวนที่มีผลงานเทียบเคียงด้วยจำนวนประมาณ 1600 ราย ไม่ได้รับการรับรองคุณสมบัติเข้ารับการประเมินเลยสักราย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบั่นทอนขวัญ กำลังใจ เพิ่มความเครียด ความวิตกกังวล ต่อผู้เสนอขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. ที่รอคอยด้วยความหวังมาเป็นเวลานานร่วม 6ปี กลับไม่ได้รับการรับรองคุณสมบัติเข้ารับการประเมินแต่อย่างใด
วันนี้จึงขออ่านแถลงการณ์ และ3ข้อเรียกร้องต่อ รมว.ศึกษาธิการหรือตัวแทน คือ
1. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้ก.ค.ศ หรือหยุดการประกาศผลคุณสมบัติ ผู้เข้ารับการประเมิน การขอทบทวนมติกคศไว้เป็นการชั่วคราวเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาและรอคำสั่งศาลปกครองสูงสุดกรณีที่มีการฟ้องกยทไปแล้ว
2.ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาผลกระทบจากการพิจารณาคุณสมบัติ ดังกล่าว โดยให้มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผู้ได้รับผลกระทบร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย
3.ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอมติ ก.ค.ศ.เพื่อเห็นชอบเยียวยา อนุโลมรับรองคุณสมบัติผู้เข้ารับการประเมินเฉพาะผลงานดีเด่นที่เคยรับรองและอนุมัติมาแล้วจำนวน 53 รายการ และผลงานดีเด่นอื่นที่ชี้แจงองค์ประกอบตามข้อ 13 โดยยึดตามแนวทางคำพิพากษาศาลปกครองพิษณุโลก
อย่างไรก็ตามทางกระทรวงให้ตัวแทนรัฐมนตรีลงมารีบ และขึ้นไปพูดคุยปัญหา เบื้องต้นรับปากจะนำขัอเรียกร้องไปยื่นให้รัฐมนตรี ซึ่งเป็นการรับปากแบบนี้เป็นปีที่ 6 โดยยื่นผ่านรัฐมนตรีว่าการ ถึง 4 ท่าน ด้วยกัน