ประเทศไทย – สินค้าจีนล้นทะลัก: ความวิตกของเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม
ประเทศไทย – สินค้าจีนล้นทะลัก: ความวิตกของเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม
ชาวสวนผู้ปลูกกระเทียมในไทยมากกว่า 25,000 คน ต้องการหยุดการนำเข้ากระเทียมจากประเทศจีน ซึ่งราคาถูกกว่าเนื่องจากต้นทุนในการผลิตต่ำกว่า เนื่องจากเขตการค้าเสรี (FTA) ถึงรัฐบาลไทยได้ลงนามเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2546 ทำให้จีนสามารถนำเข้ากระเทียมเข้าไทยได้โดยไม่เสียภาษี ผู้ปลูกกระเทียมในประเทศไทยกังวลเกี่ยวกับโครงการรถไฟจีน-ลาว พวกเขามีความกังวลว่าจะไม่ทำให้เกิดดุลการค้าต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทย เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้แสดงความกังวลว่าโครงการรถไฟจีน-ลาวนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเกษตรและศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) วิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมที่ อ.บ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน
ในภาพเหนือของประเทศไทยเร่งการโปรโมทการปลูกและจำหน่ายกระเทียมอินทรีย์ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดในจีนมากกว่า ปฎิพงศ์ นุภาเลา เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมท้องถิ่น กล่าวว่ากระเทียมจีนทะละสู่ตลาดในประเทศไทยซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อจากจีนสั่งซื้อสินค้าจากไทยช้าลง ส่วน ชนะ ไชยชนะ ประธานเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมอินทรีย์กล่าวว่า เกษตรกรไทยต้องแบกรับต้นทุนการผลิตกระเทียม ในขณะที่ในจีน การปลูกกระเทียมเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มากเนื่องจากปลูกในพื้นที่กว้างขวางมากกว่า และแม่ค้าปลีกได้ส่งสัญญาณเตือนให้หยุดนำเข้ากระเทียม เนื่องจากราคาของกระเทียมจีนนั้นราคาถูก ตกอยู่ประมาณกิโลกรัมละ 80 บาท เมื่อเทียบกับกระเทียบไทยที่จะอยู่ที่กิโลละ 100 บาท
ปฎิพงศ์ นุภาเลา, เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม ต.บ้านโฮ่ง “กระเทียบจีนถูกนำเข้าไทยโดยภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้ตลาดราคากระเทียมไทยราคาลง ทำให้เราขายกระเทียมไม่ได้ หากไม่มีการนำเข้ากระเทียมจีน เราจะสามารถขายกระเทียมได้ช่วงประมาณหลังสงกรานต์จนถึงประมาณเดือนพฤษภาคม การทะลักของกระเทียมจีนสู่ไทย ทำให้พ่อค้าคนกลางรับซื้อช้าเกินไป ปัจจุบันนี้ชาวสวนกระเทียมแทบจะยอมแพ้ที่จะปลูกกระเทียมในพื้นที่ “
ชนะ ชนะไชย, ประธานผู้ปลูกกระเทียมอินทรีย์ กล่าวว่า “ใบบริทบทเกี่ยวการปลูกกระเทียมในไทย เกษตรกรผู้ปลูกไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายในการผลิตได้ แต่ในขณะที่ในประเทศจีน ทั้งพื้นที่ปลูกและตลาดนั้นมีขนาดใหญ่เพราะพื้นที่ปลูกบริเวณกว้าง ดังนั้น ปัญหาจึงเกิดตามมาเมื่อบริษัทจีนมีศักยภาพในการส่งออกสินค้าทางการเกษตรราคาถูก ประชากรในไทยจำนวน 60 กว่าล้านคนเลือกพืชผัก ผลไม้ราคาถูก เพราะพวกยังมีรายได้ต่ำ”
อารยา ปินตายอง บอกว่า “กระเทียมไทยหัวจะเล็ก กระเทียมจีนหัวใหญ่ โดยทั่ว ๆ ไป กระเทียมไทยจะแพงกว่า แล้วราคาขึ้น ๆ ลง ๆ ตามฤดู ในขณะที่กระเทียมไทยราคาแพงกว่า 100 บาท ขณะที่จีนราคาถูกกว่า ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ไปเป็นเรื่อย ๆ มันอาจจะดีกว่าหากไม่นำเข้ากระเทียมจีน”
ชนะ ไชยชนะ, ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกระเทียมออแกนิก กล่าวว่า “จริง ๆ แล้วรัฐบาลไทยนั้นตั้งรับกับการทะลักของสินค้าจีนโดยตั้งกำแพงภาษีค่อนข้างสูง ได้แก่ FTA แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงนั้นย้อนแย้งในบางคราว ภาคธุรกิจมีกลโกงในบางครั้ง เช่น บอกว่าในตู้คอนเทนเนอร์นั้นบรรทุกแครอท แต่จริง ๆ เป็นกระเทียม ผู้นำเข้านำกระเทียมไปเก็บไว้ในห้องเย็นที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ตลาดขนาดใหญ่ จากนั้นพวกเขาจึงทยอยนำมาขายในประเทศไทย”
ชนะ ไชยชนะ, ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกระเทียมออแกนิก กล่าวเพิ่มว่า “กลุ่มเกษตกรผู้ปลูกกระเทียมจะต้องปรับตัวมากขึ้น ภาคธุรกิจและรัฐบาลมีความต้องการสินค้าออแกนิกเป็นจำนวนมาก ถ้าเราอยากส่งออกสินค้าไปยุโรป เขาก็ตั้งเกณฑ์คัดเลือกเป็นเอกสารแสดงออแกนิกเฉพาะ EU หากอยากส่งไปจีน ทางประเทศจีนขอให้ผู้ส่งขนใบอนุญาติเช่นกัน
ที่มา A24 News Agency