กาฬสินธุ์-แม่ลูกแดนเซอร์เรียกร้องตำรวจคู่กรณีเมาชนแสดงความรับผิดชอบ
หญิงวัย 38 ปี และลูกชายแดนเซอร์คณะหมอลำชื่อดัง คู่กรณีตำรวจเมาขับรถชนกระฉ่อนโซเชียล เรียกร้องตำรวจคู่กรณีออกมาแสดงความรับผิดชอบความเสียหายและอาการบาดเจ็บ ตนพร้อมคุยและหากตกลงกันได้ไม่ติดใจความผิดทางวินัยและทางแพ่ง
จากกรณีสื่อโชเชียล นำเสนอคลิปไลฟ์สด พร้อมภาพนิ่งและข้อความ หลังเกิดอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถเก๋ง โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.บนถนนสายหนองแปน อ.กมลาไสย-บ้านเหล่าแดง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ โดยข้อความในโซเชียลระบุว่า…ตำรวจเมาชนแล้วหาย กวาดเรียบ 2 คัน ตำรวจขับรถด้วยอาการมึนเมา วัดค่าแอลกอฮอล์ได้ 224 มล. ไม่ลงมาดูคนเจ็บ ลงจากรถได้ ขึ้นจักรยานยนต์หายไปในพริบตา เป็นเจ้าหน้าที่ต้องเตือนตัวเองเสมอนะคะ เมาไม่ขับ และไม่ควรหายไปจากจุดเกิดเหตุค่ะ สุดท้ายตำรวจอีกนายต้องตามตัวมา #หายไปอยู่ในหมู่บ้านหนึ่ง แล้วนำตัวไปวัดแอลกอฮอล์ที่โรงบาลฆ้องชัย กาฬสินธุ์ #
นอกจากนี้ ผู้เสียหายคันยาริสได้เล่าว่า ตนขับรถมากับลูกชายอีก 2 คน อยู่ดีดีรถกระบะก็ขับสวนเลนมาชนรถของตนอย่างจัง แล้วรถหมุนไปเบียดรถอีกคันจนบุบ หลังจากรถชนแล้ว สักพักก็ลงจากรถและขึ้นรถจักรยานยนต์หายไปในทันที โดยไม่ลงมาดูคนเจ็บ ทราบภายหลังว่าเป็นตำรวจ เหตุเกิดช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ส่วนลูกปากแตก 1 คน และ อีกคนคางแตก ซิลิโคนทะลุ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ สอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ที่ สภ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าว ที่ระบุในข่าวโซเชียล ว่าเป็นคนขับรถกระบะคันดังกล่าว สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวร บอกว่าวันนี้ยังไม่เห็นมาทำงาน พบแต่รถคู่กรณี 2 คันจอดอยู่ในที่เก็บรถของกลาง สภาพด้านหน้าพังยับทั้ง 2 คัน โดยคันแรกรถกระบะนิสสัน นาวาร่า สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน บล 4456 กาฬสินธุ์ เป็นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าว และอีกคันเป็นรถโตโยต้า ยารีส สีขาว หมายเลขทะเบียน กต 4856 กาฬสินธุ์
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามญาติเจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าว ทราบว่าเดินทางไปรักษาอาการบาดเจ็บ ที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดธนบุรี สอบถามทางโทรศัพท์ยืนยันตนเป็นคนขับรถดังกล่าวจริง แต่ยังไม่พร้อมให้ข้อมูล โดยระบุว่ามีนัดคุยกับคู่กรณีในวันที่ 18 เมษายนที่จะถึงนี้
จากนั้น ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนางสมร วงศ์มาลัย อายุ 38 ปี เจ้าของรถโตโยต้า ยารีส สีขาว บ้านเลขที่ 208 หมู่ 5 บ้านหนองคู ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย ซึ่งดูแลรักษาอาการบาดเจ็บให้กับนายอานนท์ วงศ์มาลัย อายุ 21 ปี บุตรชาย อาชีพแดนเซอร์หมอลำคณะประถมบันเทิงศิลป์ โดยได้รับบาดเจ็บคางทะลุ และมณเฑียร พากเพียร อายุ 18 ปี เพื่อนแดนเซอร์นายอานนท์ที่ได้บาดเจ็บบริเวณศีรษะ
นางสมร วงศ์มาลัย กล่าวว่าเมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 12.00 น. ขณะที่ตนขับรถโตโยต้า ยารีส คันดังกล่าวกลับมาจากรับบุตรชายและเพื่อน หลังจบการแสดงที่บ้านเหล่าสูง เพื่อที่จะกลับมาพักผ่อนที่บ้าน ซึ่งขับมาด้วยความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. พอขับมาถึงจุดเกิดกลับมีรถกระบะของคู่กรณีที่กำลังขับสวนมา จู่ๆก็หักขวาข้ามเลนเข้ามาชนในลักษณะประสานงาอย่างจัง ความแรงของการพุ่งชนทำให้รถของตนหมุนคว้างกลางถนนหลายตลบ ก่อนที่จะจอดนิ่งข้างถนน ขณะที่รถกระบะของคู่กรณีได้เสียหลัก และไปจอดเทียบกับรถอีกคันหนึ่งที่จอดอยู่เลนซ้าย
นางสมร กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุ คนขับรถคู่กรณีเป็นชาย ลักษณะเหมือนคนมีอาการเมา ได้มีคนขับรถจักรยานยนต์มารับและพาขับหายไป ต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุ จากนั้นตนจึงไปแจ้งความที่ สภ.ฆ้องชัย เพื่อลงบันทึกประจำวัน ทั้งนี้ ต้องการให้คู่กรณีรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งค่าซ่อมรถและค่ารักษาพยาบาล เนื่องจากเป็นฝ่ายขับชนรถของตน ทำให้รถเสียหาย และลูกชายพร้อมเพื่อนได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม หากรับผิดชอบทั้งดังกล่าวก็จะไม่ติดใจความผิดทางวินัยและทางแพ่ง
ด้านนายอานนท์ วงศ์มาลัย กล่าวว่า ตนเป็นแดนเซอร์หมอลำคณะประถมบันเทิงศิลป์ ซึ่งช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงเดินสายรับงานหลายงาน มีรายได้รวมค่าตัวและทิปคืนละประมาณ 1,500 บาท พอเกิดอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บ คางที่ไปทำศัลยกรรมมาประมาณ 40,000 บาทแตก จึงต้องหยุดพักรักษาตัวและต้องไปผ่าตัดใหม่ ทำให้เสียโอกาสหารายได้ จึงอยากให้ทางคู่กรณีมารับผิดชอบตรงนี้ด้วย
นายอานนท์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังอยากให้พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายบังคับบัญชาของคู่กรณี ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายด้วย เพราะตอนนี้ตนไม่มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมเลย เนื่องจากหลังเกิดเหตุเหมือนมีความพยายามที่จะช่วยเหลือคู่กรณี ในที่สุดจึงยอมเป่าแอลกอฮอล์ ซึ่งเหตุการณ์เป็นไปตามที่ตนโพสต์ทางโซเชียล อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องการคือขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องรักษากฎระเบียบวินัย และต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนด้วย