ปปช. บุกจับนายกและรอง อบต.คลองกิ่ว ทุจริตเรียกรับสินบน

กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ นำกำลัง กว่า 30 นาย เข้าจับกุมนายก อบต.คลองกิ่ว และรองนายก ทุจริตในหน้าที่ เรียกรับสินบน พร้อมหลักฐานเป็นเงินสด 1 แสนบาท พร้อมยึดอาวุธปืน จำนวน 3 กระบอกไปตรวจสอบ

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 26 เมษายน 2565 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันปราบปราบทุจริต ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของภาครัฐ กว่า 30 นาย เข้าโอบล้อมสำนักงาน อบต.คลองกิ่ว ตำบลคลองกิ่ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี และบุกเข้าทำการจับกุมนางสาวภัทร์พิชชา อำไพประสิทธิ์ นายก อบต.คลองกิ่ว และ นายทรงวุฒิ น้อยบัวงาม รองนายก อบต.คลองกิ่ว ในห้องทำงาน นายกอบต.โดยนำหลักฐานร้องเรียนเรียกรับสินบน เป็นหมายเลขบนธนบัตรใบละ 1 พันบาท เข้าแสดง และจากการตรวจค้นพบเงินสด จำนวน 1 แสนบาท พร้อมอาวุธปืน ขนาด 9 มม.วางอยู่บนโต๊ะทำงาน

จึงทำการควบคุมตัวในข้อหาความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ ทุจริต และเป็นพนักงานเรียกรับทรัพย์สิน หรือ รับประโยชน์โดยมิชอบ ไปดำเนินคดีที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เบื้องต้น ทางนายก และรองนายก ได้ให้การปฎิเสธ
นอกจากนี้ จากการควบคุมตัวลูกน้องคนสนิท จำนวน 2 คน ที่มีหน้าที่ ขับรถประจำตำแหน่ง ไปค้นภายในรถ ยังพบอาวุธปืน จำนวน 2 กระบอก เป็น . 38 จำนวน 1 กระบอก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ได้ทำการควบคุมตัวไปสอบสวนด้วยหากพบว่าอาวุธปืนดังกล่าว เป็นอาวุธปืนเถื่อน กจะส่งตัวให้ทาง สภ.คลองกิ่ว ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ขณะที่จากการสอบถามพนักงาน ที่ไม่ขอให้สัมภาษณ์ และไม่ขอเอ่ยชื่อ เผยว่า นางสาวภัทร์พิชชา พึ่งมารับตำแหน่งเป็นนายกคนใหม่ ไม่ถึง 3 เดือน จะมีพฤติกรรม ชอบเรียกรับโรงงานที่ต่อใบอนุญาต โดยจะมีการนำมาพูดคุยในห้องทำงานส่วนตัว จำนวนหลายราย
ด้านทาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้รับการร้องเรียนจากทางผู้ประกอบการโรงงาน ในพื้นที่ตำบลคลองกิ่ว ว่ามีนายก และ รองนายก ของ อบต.คลองกิ่ว เรียกรับสินบน ในการออกใบอนุญาตขุดดินและถมดิน ที่มีผู้ประกอบเข้าไปยื่นร้องขอทำใบอนุญาต แต่ปรากฏว่า ถูกเรียกเข้าไปคุยเจรจาขอค่าดำเนินการ จำนวน 1 แสนบาท ที่ปกติ จะมีการเสียค่าธรรมเนียมให้กับทางราชการเพียง 500 บาท เท่านั้น ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงลงพื้นที่หาเบาะแส จนทราบว่าเป็นเรื่องจริง และมีการวางแผนส่งมอบกัน และตามเข้าไปแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับได้เงินสดเป็นหลักฐาน