8 ปีที่หายไป อนาคตไทยถอยหลัง “โฆษกเพื่อไทย” ชี้การได้มาซึ่ง “ประยุทธ์” ทำชีวิตคนไทยจมทุกข์ อนาคตดับวูบ วอนทุกฝ่ายร่วมต่อต้านรัฐประหาร ย้ำอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน
8 ปีที่หายไป อนาคตไทยถอยหลัง “โฆษกเพื่อไทย” ชี้การได้มาซึ่ง “ประยุทธ์” ทำชีวิตคนไทยจมทุกข์ อนาคตดับวูบ วอนทุกฝ่ายร่วมต่อต้านรัฐประหาร ย้ำอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน
นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ยึดอำนาจการปกครองประเทศไปจากมือของรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่นำโดยพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ปี 2557 โดยอ้างเหตุของการยึดอำนาจว่าต้องการยุติความขัดแย้งทางความคิดทางการเมืองที่รุนแรง ปัญหาการทุจริต การบังคับใช้กฎหมายที่ทำให้เกิดความเกลียดชังในหมู่ประชาชน ฯลฯ แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ครบรอบ 8 ปี ประเทศไทยที่มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารและนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่กล่าวอ้างได้แม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามการยึดอำนาจกลับทำให้ปัญหาดังกล่าวรุนแรงขึ้น ประเทศตกหล่มแห่งความล้าหลัง สิ้นหวัง ล้มเหลว หมดหนทางทำมาหากิน ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
รัฐประหารครบ 8 ปี ให้อะไรเราบ้าง
1.คนจนล้นประเทศ กว่า 20 ล้านคน
2.ประเทศเป็นหนี้ท่วมหัว 10 ล้านล้านบาท
3.ทุจริตภาครัฐพุ่งทะยานแตะ 3 แสนล้านบาท
4.คอร์รัปชันเบ่งบาน คะแนนป้องกันปราบปรามตกต่ำ
5.ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ยึดโยงการเปลี่ยนแปลงของโลก ไร้แผนงาน ไร้เป้าหมายที่ชัดเจน
6.อำนาจ ส.ว.จาก คสช.ล้นเหลืออำนาจ ส.ส.ที่มาจากประชาชน
นางสาวธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า เสียดายโอกาสของประเทศที่กำลังจะไปได้ดีจากรัฐบาลเพื่อไทย ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง หลายโครงการที่เพื่อไทยต้องการจะดิสรัปต์ประเทศ โดยมุ่งหวังให้คนไทยมีศักดิ์ศรียืนหยัดทัดเทียมนานาชาติ แต่โอกาสเหล่านั้นถูกขโมยไปจากคณะรัฐประหาร
โอกาสของคนไทย ที่ถูกขโมยไปการรัฐประหาร ได้แก่
1.ความเท่าเทียมทางการศึกษาที่หายไป จากนโยบาย One tablet per childs ที่จะมีการนำเอาหลักสูตรการสอนลงแท็ปเล็ต
2.โอกาสของเกษตรกร ที่ถูกพรากไปจากการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากราคาข้าวเปลือกที่ 15,000-20,000 บาทต่อตัน
3.โอกาสด้านการคมนาคมที่ครบลูปทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ที่เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านไปถึงประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั้งหมดถูกตีค่าด้อยลงไป จากการระงับโครงการอนาคตไทย 2020
4. โอกาสของพี่น้องแรงงานที่จะมีโอกาสลืมตาอ้าปากได้ ด้วยค่าแรงที่จะเพิ่มขึ้น จากที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปรับค่าแรงขั้นต่ำจากที่แรงงานเคยได้ 151-206 บาทต่อวันในปี 2553 มาเป็น 300 บาทหรือปรับขึ้น 40% ทันที แต่ ผ่านมา 8 ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ขึ้นค่าแรงมาเพียง 13-36 บาท ค่าแรงขั้นต่ำคนไทยอยู่ที่ 313-336 บาทเท่านั้น
นางสาวธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า หากทุกฝ่ายอยากเห็นประเทศไทยก้าวต่อไปข้างหน้าให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก รัฐประหารต้องไม่เกิดขึ้นอีกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ข้ออ้างของคณะรัฐประหารที่ทำไปโดยอ้างว่าต้องการดำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของประเทศ แต่การชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มเยาวชนและประชาชนในช่วงที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่ประชาชนต้องการคือการเปิดรับความคิดเห็นที่หลากหลายและปากท้องที่กินดีอยู่ดี ไม่ใช่การกดปราบควบคุมเสมือนประชาชนไม่ใช่เจ้าของอำนาจอธิปไตย
“ประเทศไทยไม่ใช่สมรภูมิสู้รบของผู้มีอำนาจกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพราะสุดท้ายผู้แพ้คือประชาชน ความเจ็บปวดสูญเสียอนาคตจะยังตราตรึงส่งต่อไปถึงลูกหลาน ที่จะไม่สยบยอมต่ออำนาจนอกระบอบการปกครองประชาธิปไตยอีกต่อไป” นางสาวธีรรัตน์ กล่าว