23/11/2024

นราธิวาส-ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส แถลงข่าวการจับกุมเรือประมงเวียดนาม รุกล้ำเข้ามาทำการประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำไทย จำนวน 2 ลำ

นราธิวาส-ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส แถลงข่าวการจับกุมเรือประมงเวียดนาม รุกล้ำเข้ามาทำการประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำไทย จำนวน 2 ลำ


เมื่อ 3 มิ.ย.65 เวลา 11.00 ณ ท่าเทียบเรือประมงนราธิวาส ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดนราธิวาส(ผอ.ศรชล.จังหวัดนราธิวาส) ได้รับมอบหมายจาก ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2(ศรชล.ภาค 2) แถลงข่าวการจับกุมเรือประมงเวียดนาม ที่รุกล้ำเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำ(ทะเล)ไทย ในพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 2 ลำ พร้อมผู้ควบคุมเรือ(ไต๋เรือ)และลูกเรือประมงชาวเวียดนาม รวมจำนวน 8 คน
เมื่อวันที่ ๑ มิ.ย.๖๕ ศรชล.ภาค 2 ได้รับการแจ้งเบาะแส จากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่า มีเรือประมงต่างชาติ เข้ามาทำการประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำไทย บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะ ๓๐ ไมล์ทะเล(ประมาณ 55 กิโลเมตร) จากปากร่องน้ำบางนรา จว.นราธิวาส ซึ่งอยู่ในเขตทะเลไทย ศรชล.ภาค ๒ ได้มอบหมายให้ ทัพเรือภาคที่ ๒ ดำเนินการจัดกำลังออกตรวจสอบ

ต่อมา พลเรือโท สุนทร คำคล้าย ผอ.ศรชล.ภาค ๒ และผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ ๒ ได้สั่งการให้ เรือหลวงคลองใหญ่ ที่กำลังออกลาดตระเวน ตามแผน อยู่ในบริเวณนั้น เข้าทำการตรวจสอบ ในบริเวณที่ได้รับแจ้ง และในเวลา 07.15 น. ของวันที่ 2 มิ.ย.65 เรือหลวงคลองใหญ่ ได้ตรวจพบเรือประมงเวียดนามชื่อ KG95013TS และลูกเรือรวมไต๋เรือ จำนวน 5 คน ระยะ 39ไมล์ทะเล(ประมาณ72กิโลเมตร)ทางทิศตะวันออก เฉียงเหนือจากปากแม่น้ำบางนรา จึงได้ดำเนินการเข้าจับกุมตามขั้นตอน และในเวลาต่อมาได้ตรวจพบเรือประมงเวียดนามชื่อ KG94413TS ลูกเรือรวมไต๋เรือจำนวน 3 คน ระยะ 41ไมล์ทะเล(ประมาณ 75 กม.) ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากปากแม่น้ำบางนรา จึงได้ดำเนินการจับกุมตามขั้นตอนเป็นลำที่ 2 และควบคุมเรือประมงเวียดนาม ทั้ง2 ลำ พร้อมลูกเรือ เข้ามายังท่าเทียบเรือประมงนราธิวาส ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อขยายผล และส่งมอบให้กับ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาส เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป


ผวจ.นราธิวาส/ผอ.ศรชล.จังหวัดนราธิวาส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เรือประมงเวียดนามทั้ง ๒ ลำ ออกมาจากเมืองกาเมา ประเทศเวียดนาม เมื่อ ๖ วันที่แล้ว เพื่อเข้ามาทำการประมงในเขตทะเล ของประเทศไทย ซึ่งในการเข้ามาทำการประมง ของเรือประมงเวียดนามในครั้งนี้ จะกระทำความผิดตามกฎหมายไทย ๒ ฉบับ ได้แก่ พ.ร.ก.ประมง ปี พ.ศ.2558 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม และ พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิทำการประมงในเขตประมงไทย พ.ศ.2482 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
ส่วนการดำเนินคดีกับเรือประมงสัญชาติเวียดนามทั้ง ๒ ลำ พร้อมลูกเรือทั้ง ๘ คน เนื่องจากเป็นการจับกุมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย จึงได้ตั้งข้อกล่าวหาผู้กระทำความผิดไว้ ๓ ข้อหา ดังนี้


๑. ใช้เรือประมงไร้สัญชาติทำการประมงในเขตการประมงไทย (ตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.๒๕๕๘ และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๑๐)
๒. ร่วมกันทำการประมงพาณิชย์ โดยไม่มีใบรับอนุญาตทำการประมง (ตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.๒๕๕๘ และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 32)
๓. ทำการประมงในเขตการประมงไทย โดยทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต (ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ.๒๔๘๒ และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๗ วรรคหนึ่ง ประกอบ มาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง )
สำหรับการจับกุมเรือประมงต่างชาติในพื้นที่ ศรชล.ภาค 2 และ ทัพเรือภาคที่ ๒ ในปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ในการจับกุมครั้งนี้ เป็นครั้งที่ ๑๑ รวมเรือทั้งหมด ๑๖ ลำ ผู้ควบคุมเรือ(ไต๋เรือ)พร้อมลูกเรือรวม จำนวน ๗๘ คน

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส