(รายงานพิเศษเมือง ไม้ขม) คดี”มหากาพย์ ที่สุด”อลเวง” ที่อาจจะ”มีธง” ล่วงหน้าในการช่วยคนผิด และถามว่าใครจะรับผิดชอบกับเงิน 80 ล้าน ที่กำลังจะตกไปเป็นของขบวนการ”ฮั้วงาน”
(รายงานพิเศษเมือง ไม้ขม) คดี”มหากาพย์ ที่สุด”อลเวง” ที่อาจจะ”มีธง” ล่วงหน้าในการช่วยคนผิด และถามว่าใครจะรับผิดชอบกับเงิน 80 ล้าน ที่กำลังจะตกไปเป็นของขบวนการ”ฮั้วงาน”
ที่เกิดขึ้น คดี”ฮั้วประมูล” ซึ่งเกิดที่” องค์การส่วนบริหารจังหวัดสงขลา ( อบจ.สงขลา ) ระหว่าง บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ผู้ชนะการประมูลจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางของ อบจ. สงขลา กับ นายนิพนธ์ บุญญามณี ครั้งที่ยังดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.สงขลา ที่ ปัจจุบัน มีตำแหน่ง รมช. มหาดไทย นอกจากจะเป็นคดีที่เป็น”มหากาพย์” ทางการเมืองแล้ว ยังเป็นคดีที่”อลเวง” ที่สุดคดีหนึ่ง และสาเหตุของความ”อลเวง” ครั้งนี้ น่าจะมาจาก หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”มีธง” เพราะมีผู้”บงการ” ที่เป็น”พี่ใหญ่” ทาง”การเมือง” อยู่เบื้องหลัง
คดีนี้ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ อบจ.สงขลา, ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โรงพักเมืองสงขลา ศาลปกครองสงขลา ศาลทุจริตประพฤตมิชอบภาค 9 และ ป.ป.ช. ซึ่งหน่วยงานทั้งหมดที่กล่าวมา เข้าไปเกี่ยวข้องจากการที่นาย อิทธิพล ดวงเดือน เจ้าของ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส ดำเนินการร้องเรียนกับหน่วยงานดังกล่าว ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการที่ อบจ.สงขลา ไม่จ่ายเงิน ค่ารถซ่อมบำรุงทาง ที่ ตนเอง ชนะการประมูล และ อบจ.สงขลา ได้มีการตรวจรับรถยนต์ไปแล้วตามสัญญา
โดยข้อเท็จจริง การ”จัดซื้อ-จัดจ้าง” ครั้งนี้ เป็นการ “จัดซื้อ-จัดจ้าง” ในครั้งที่นายอุทิศ ชูช่วย เป็น นายก อบจ. สงขลา แต่ในระหว่างการดำเนินการทาง”เอกสาร” เพื่อ”จ่ายเงิน” อยู่ในช่วงที่”นายกอุทิศ” หมดวาระการดำรงตำแหน่ง และมีการเลือกตั้ง อบจ.ตามวาระ และ นายอุทิศ ชูช่วย พ่ายแพ้ ต่อ นาย นิพนธ์ บุญญามณี เป็นเหตุให้ นายนิพนธ์ ซึ่งเข้ามาเป็น นายก อบจ.สงขลา คนใหม่ ต้องดำเนินการในเรื่องของการ”รับรถยนต์ซ่อมบำรุงทาง” และมีการตรวจสอบหลักฐานความถูกต้อง ก่อนที่จะมีการ”จ่ายเงิน” ให้กับ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส ที่เป็นผู้ชนะการประมูล
และจากการตรวจสอบของคณะทำงานของนายนิพนธ์ พบว่าในการประมูลครั้งนี้ มีความ”ไม่ชอบมาพากล” หลายประเด็น ทั้งในเรื่อง” เอกสาร” และ อื่นๆ โดยเฉพาะ บริษัทเทียบ ที่นำมาประมูล มาจากแหล่งเดียวกัน ซึ่งเข้าลักษณะของการ”ฮั้วประมูล” ที่ผิดกฎหมาย จึงได้มีการ”ชะลอ”การจ่ายเงิน และมีการ รวบรวมหลักฐาน เข้าแจ้งความที่ สภ. เมืองสงขลา เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ร่วมหัวกันในการ”ฮั้ว” ครั้งนี้
ซึ่ง หลังการที่ อบจ.สงขลา ได้ชะลอการจ่ายเงิน บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ก็ได้ ร้องเรียนไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ,สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.) ศาลปกครองจังหวัดสงขลา และ สำนักงาน ปปช. เพื่อให้ อบจ.สงขลา จ่ายเงิน และให้เอาผิดกับนาย นิพนธ์ บุญญามณี ที่เป็น นายก อบจ.สงขลา ในขณะนั้น และ ขณะนี้คือ รมช. มหาดไทย
คดีนี้ เป็นคดีที่ใช้เวลาต่อสู้คดีอย่างยาวนานเกือบ 8 ปี โดยที่ นายนิพนธ์ บุญญามณี ซึ่งถูกกล่าวหาในกฎหมายมาตรา 157 หมายถึงการ “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” และ นายนิพนธ์ ซึ่งเชื่อว่าการที่ตนสั่ง ชะลอ การจ่ายเงิน ในครั้งนี้ เป็นการทำหน้าที่ถูกต้อง เพราะผู้ที่ประมูลได้ และ ฟ้องร้องตนเอง เป็นผู้ที่มีความผิดในข้อหา”ฮั้ว” ที่หากจ่ายเงินไป โดยที่ คดีคดี”ฮั้ว” ยังไม่ถึงที่สุด เงินที่จ่ายไป ซึ่งเป็น”ภาษีของประชาชน” จะ”สูญเปล่า” เป็นความเสียหายต่อประเทศ
คดีนี้ จึงดำเนินไปด้วยการที่ ฝ่าย บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส ใช้ความเป็นผู้ที่”ชนะการประมูล” เป็น เครื่องมือ ในการ ร้องเรียนไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนนายนิพนธ์ ก็ให้ความ พยายาม ในการ หาหลักฐาน เพื่อใช้ในการ”หักล้าง” และ ต่อสู้คดี เพื่อแสดงให้ หน่วยงานต่างๆ ที่รับเรื่องร้องเรียนจากบริษัท พลวิศว์ ฯ เห็นว่า การชนะการประมูลของ บริษัทพลวิศว์ เข้าข่าย”การฮั้วประมูล”
แต่แล้ว เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ศาลปกครองสูงสุด ก็ได้”พิพากษา” ให้ อบจ. สงขลา จ่ายเงิน”ทั้งต้นทั้งดอก” ให้ บริษัท พลวิศว์ จำนวน 80 ล้านบาท โดยการยึดหลักใน”ข้อกฎหมาย” ว่า บริษัท พลวิศว์ฯ เป็นผู้ที่ ชนะการประมูล ส่วนจะชนะแบบไหน ด้วยวิธีการอย่างไร “ฮั้วหรือไม่ฮั้ว” ที่เป็นสาเหตุของการ อบจ.สงขลา “ชะลอ” การ”จ่ายเงิน” น่าจะไม่ได้นำเอามาเป็นประเด็นในการ “พิจารณา” ก็ได้
เพราะถ้าการ”พิจารณา” ถึงประเด็นของ”ข้อเท็จจริง” ที่ อบจ.สงขลา พบว่ามีการ”ฮั้วงาน” จึงได้หาหลักฐานเพื่อดำเนินคดี และ”ชะลอ”การจ่ายเงิน ก็จะเห็นว่า นายนิพนธ์ มีเหตุผลในการ”ไม่จ่าย” เพื่อรักษา ผลประโยชน์ของ ประชาชน และ ประเทศชาติ การ “พิจารณา” ของ “ศาลปกครอง” อาจจะยึดในข้อ”กฎหมาย”อย่างเดียว จึงสั่งให้ อบจ.สงขลา จ่ายเงินให้กับ ผู้ชนะการประมูล นั่นคือ บริษัท พลวิศว์ฯ
ประเด็นต่อมา คดีนี้ถูกนำไปสู่ศาลทุจริตฯภาค 9 และศาลได้มีการตรวจสอบหลักฐานพบว่าการ”ประมูล”ครั้งนี้ ผู้ประมูลได้มีการ”ฮั้วงาน” เป็นการกระทำผิดกฎหมาย จึงให้ออก”หมายจับ” ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด จำนวน 8 บริษัท ที่เป็นทั้งผู้ชนะประมูล และบริษัท”คู่เทียบ” เพราะทำเป็น”ขบวนการ”
และหลังการที่ศาลทุจริตฯศาล 9 ได้สั่งให้ออก”หมายจับ” ปรากฏว่า กลุ่มผู้ที่หาที่ถูกออก”หมายจับ” ได้”หลบหนี” และบางคนเช่น นายอิทธิพล ดวงเดือน” เจ้าของบริษัท พลวิศว์ฯ ผู้ชนะการประมูล ได้หลบหนีไปยังเมือง “โดฮา” ประเทศการ์ต้าซึ่ง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รายงานว่า ผู้ถูกออกหมายจับรายนี้ ได้เดินทางไปเมือง”โดฮา” ประเทศกาต้าร์ เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.โดยเที่ยวบิน QR 0831 และไม่ว่าการเดินทางออกนอกประเทศครั้งนี้เป็นการ”หลบหนี” เพื่อไป”ตั้งหลัก” และค่อยกลับมา”ต่อสู้คดี” หรือ อย่างไร ก็แล้วแต่ แต่ก็ถือว่าเป็นการ”หลบหนีความผิด” ที่ถูก ออกหมายจับ นั่นเอง
เรื่องน่าจะจบ และ นายนิพนธ์ น่าจะไม่มีความผิด เพราะ ผู้ที่ชนะการประมูล มีการ”ฮั้วงาน”และหลบหนีหลังรู้ว่า “ศาลทุจริต” ให้ออก”หมายจับ แต่ เปล่าเลย เพราะ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ซึ่ง”มีธงในการที่จะ”เอาผิด” นายนิพนธ์ มาตั้งแต่ต้น ได้แถลงข่าวว่า ป.ป.ช. จะเดินหน้าฟ้องนายนิพนธ์ด้วย ตนเองต่อศาล หลังจากที่ สำนักงาน”อัยการสูงสุด” ที่ ป.ป.ช. ส่งสำนวนให้ฟ้องนายนิพนธ์ สั่ง”ไม่ฟ้อง” เพราะ สำนวนของ ป.ป.ช. ที่ส่งมาให้ “สำนักงานอัยการสูงสุด” มีความ”บกพร่อง” จำนวนหลายจุด นั้นเป็นที่มาของการ”สั่งไม่ฟ้อง” นายนิพนธ์ ของ “สำนักงานอัยการสูงสุด”
ล่าสุด มีข่าวว่า ป.ป.ช. จะดำเนิน ฟ้อง ทั้งนายนิพนธ์ บุญญามณี นายอิทธิพล ดวงเดือน และ กลุ่มผู้”ฮั้วงาน” ทั้งหมด ซึ่งก็สร้างความ”แปลกใจ” ให้กับผู้ที่ติดตาม “มหากาพย์” เรื่อง”รถซ่อมบำรุงทาง” ของ อบจ.สงขลา เป็นอย่างยิ่ง ว่าในเมื่อ ป.ป.ช. ฟ้องกลุ่มผู้ที่”ฮั้วงาน” ก็แสดงว่ามีการ”ฮั้วงาน” จริง และทำไมต้องฟ้องนายนิพนธ์ด้วย ถ้ากลุ่ม”ฮั้วงาน” มีความผิด การที่นายนิพนธ์ ไม่จ่ายเงินให้บริษัท พลวิศว์ ก็น่าจะถูกต้อง
ประเด็นนี้คือความ”สับสนอลหม่าน” ซึ่งมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า การทำคดีนี้ของ ป.ป.ช.เหมือนกับ “มีธง” อยู่ก่อนหรือไม่ หรือมี”ใบสั่ง” ของ ใครอยู่เบื้องหลัง เพราะมีรายงานข่าวว่า กลุ่มของ”ผู้ฮั้วประมูล” มี”ขาใหญ่” ทั้งที่เป็น”สีเขียว” และ”สีกากี”
ให้การ “สนับสนุน” และใช้วิธีการ”ฮั้วงาน” แบบเดียวกับที่ อบจ.สงขลา ในการ”ทำมาหากิน” เป็น”ขบวนการ” โดยที่ไม่เคยถูก”เปิดโปง” ซึ่งก็ไม่มีหลักฐานที่”ชี้ชัด”ว่า ได้สร้างความเสียหายให้กับ ภาษีของประชาชน ไปแล้วมากน้อยแค่ไหน
วันนี้”คดีฮั้ว” ยังไม่ได้”ยุติ” แค่การที่ ป.ป.ช. จะทำการ”ยื่นฟ้อง” นายนิพนธ์ บุญญามณี ด้วย ป.ป.ช.เอง โดยไม่ต้องใช้”อัยการสูงสุด” แต่ยังมีความ”พยายาม” ที่จะให้ คดีนี้”หมดอายุความ” เพราะจับผู้ต้องหาไม่ได้ตาม”กรอบเวลา”ของ”กฎหมาย” เช่นเดียวกับคดีของนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี เรื่องการ ออก”โฉนดในที่อุทยาน” และยังมีความต้องการที่จะ”โอนคดี” ไปให้ “กองปราบ” เป็นผู้ดำเนินการแทน ซึ่งไม่แน่ใจว่า การโอนคดีไปให้”กองปราบ” เพื่อเป็นการ”ช่วยผู้ต้องหา” ตามที่มีผู้สงสัยว่ามี”ใบสั่ง” หรือเป็นการโอนไปเพื่อให้”กองปราบ” ที่เป็นหน่วยงานที่มีความ”ชำนาญ” ในคดี”ฮั้วงาน” เพื่อการ “ทลาย”ขบวนการดังกล่าวหรือไม่อย่างไร
แต่ ในส่วนทาง”การเมือง” นั้น นายนิพนธ์ บุญญามณี ก็ได้กลาย”เป็นเหยื่อ” เป็นครั้งที่ 2 ที่”ฝ่ายค้าน” จับไปเป็นประเด็นของการ”ซักฟอก” เพื่อไม่ไว้วางใจ”รัฐบาล”ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี สำหรับ นายนิพนธ์ บุญญามณี ถ้ารู้ว่า การกระทำทุกอย่างที่ทำไปเป็นการกระทำที่”บริสุทธิ์” และ”ถูกต้อง” เป็นการ “รักษาผลประโยชน์” ของ ประเทศชาติ การได้”ชี้แจง” เรื่องนี้ต่อ ประชาชน ทั้งประเทศ ให้รู้ถึงข้อเท็จจริง เป็นความ”สง่างาม” เป็นอย่างยิ่ง ในทางการเมือง
เป็นห่วงก็เพียงเรื่องที่ “ศาลปกครองสูงสุด” พิพากษา ให้ อบจ.สงขลา จ่ายเงิน 80 ล้าน ให้ผู้ชนะการประมูล ซึ่งบัดนี้เป็นผู้ที่”หนีหมายจับ” ไปแล้ว ภายใน 60 วัน ถ้าเงินจำนวนนี้มีผู้รับไป และภายหลังมีการ “พิพากษา” คดี”ฮั้ว” ที่เกิดขึ้นถึงที่สุด ใครจะติดตามเงินจำนวนนี้กลับคืนมาให้แผ่นดิน หรือทุกฝ่ายจะปล่อยให้ เงิน 80 ล้าน ถูกคนที่”ทำผิดกฎหมาย” รับไปอย่าง “ง่ายๆ” โดยไม่หาทาง”ยับยั้ง” อย่างนั้นหรือ