22/11/2024

ชุมพร – ชาวบ้านแห่แจ้งความอดีตนักการเมืองดังเบี้ยวเงินค่ามัดจำโควตาต้นกล้ากระท่อม เสียหายนับล้าน

ชุมพร – ชาวบ้านแห่แจ้งความอดีตนักการเมืองดังเบี้ยวเงินค่ามัดจำโควตาต้นกล้ากระท่อม เสียหายนับล้าน

วันที่ 18 กรกฎาคม 2565  สมาชิกกลุ่มปลูกพืชกระท่อมนิคมท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพรและ นางเสาวนีย์ ช่วยชูหนู  นางราตรี สุคันโท นางวรารัตน์ มาลัยล้อม นางกัณธิชา จันเพชร์ รวม 17 คน  พร้อมทนายความนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.มธกร ฤทธิ์เนื่อง รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับอดีต นักการเมืองคนดัง และเป็นบิดาของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง ได้ผิดสัญญาทำให้เกิดความเสียหายเป็นเงินจำนวนนับล้านบาท

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=9LuW6YFJr7I[/embedyt]

นางเสาวนีย์ ช่วยชูหนู ได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ ระบุว่าเมื่อวันที่ 19 ก.พ.65 ที่ผ่านมา บุคคลมีชื่อเสียงดังกล่าวได้เรียกประชุมกลุ่มเกี่ยวกับโครงการจองโควตาต้นกล้ากระท่อม ที่บ้านเลขที่ 164 หมู่ 18 ตำบลท่าแซะ จ.ชุมพร ในวันดังกล่าวมีผู้ร่วมประชุมประมาณ 30 คน โดยได้ชักชวนให้ผู้ร่วมประชุมจองโครงการต้อนกล้ากระท่อม โดยอ้างว่าตนเองได้ทำสัญญากับบริษัทเครื่องดื่มรายใหญ่ โดยให้ผู้เข้าร่วมประชุมปลูกต้นกล้ากระท่อมแล้วจะรับซื้อในราคาต้นละ 30 บาท มีกำหนดส่งมอบต้นกล้ากระท่อมในเดือนพฤษภาคม 65  แต่ผู้ร่วมโครงการต้องทำสัญญาจองโควต้าการส่งมอบดังกล่าวต้นละ 1 บาท แล้วทางบริษัทที่จะรับซื้อต้นกล้าพืชกระท่อม

ในวันดังกล่าวได้มีสมาชิกของกลุ่มจำนวน 17 คนที่เข้าร่วมโครงการ แล้วทำสัญญาจองโคต้ากับบุคคลดังกล่าวรวมจำนวน 430,000 ต้น โดยแต่ละคนที่ทำสัญญาได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารชื่อบุคคลดังกล่าว หลังจากนั้นผู้ร่วมโครงการทั้งหมดได้ลงทุนปลูกต้นกล้าพืชกระท่อมตามจำนวนที่จองโควตาต้นละ 1 บาท รายละ 10000-100000 ต้น  รวม 17 คน จำนวน 430,000 ต้น

นางเสาวนีย์กล่าวเพิ่มเติมว่าหลังจากครบสัญญาไปแล้วกระทั่งต้นเดือนมิถุนายน 65 บุคคลดังกล่าวไม่มารับต้นกล้าพืชกระท่อมจากสมาชิกในกลุ่ม ทางกลุ่มจึงได้ติดต่อกลับไป ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวแจ้งว่าจะจ่ายเงินค่าจองโควตาคืนและจ่ายค่าเลี้ยงดูต้นกล้าให้อีกต้นละ 1 บาท  เนื่องจากทางบริษัทที่จะรับซื้อมีปัญหาในการส่งออก จึงไม่สามารถรับซื้อต้นกล้าตามสัญญาได้ และรับปากว่าในวันที่ 15 ก.ค.65 จะจ่ายเงินค่ามัดจำโควต้าต้นละ 1 บาท คืนให้และจ่ายค่าเลี้ยงดูต้นกล้าอีกต้นละ 1 บาท รวมเป็นเงินต้นละ 2 บาท แต่เมื่อถึงเวลาก็ไม่ได้นำเงินมาจ่ายให้แต่อย่างใด จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

พ.ต.ท.มธกร ฤทธิ์เนื่อง รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.ท่าแซะได้แจ้งต่อตัวแทนและสมาชิกกลุ่มว่าจะรับแจ้งความไว้เบื้องต้น จากการตรวจสอบยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการกระทำดังกล่าวจะผิดอาญาหรือไม่อย่างไร จะต้องเรียกตัวบุคคลดังกล่าวมาสอบถามข้อเท็จจริงและดูหลักฐานต่าง ๆ หากพบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดอาญา จะแจ้งให้ผู้เข้าร่วมโครงการมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีอีกครั้ง

“วันนี้ตอนบ่ายก็มีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งไปแจ้งความที่ สภ.เมืองชุมพร กรณีเดียวกันด้วย เพราะเคยไปร้องศูนย์ดำรงธรรมจงหวัดไว้แล้วแต่ไม่มีอะไรคืบหน้า ซึ่งจากกรณีดังกล่าวพวกเราเห็นว่าบุคคลที่มาทำสัญญาตามโครงการเป็นผู้มีชื่อเสียงมาก พวกเราจึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการเพาะต้นกล้ากระท่อมขายต้นละ 30 บาท ก่อนขายต้องเสียเงินค่าโควตาอีกต้นละ 1 บาท เลี้ยงกันมานานกว่าจะโตจนถึงวันนี้เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่เริ่มซื้อดิน ซื้อถุงเพาะ ค่าปุ๋ย ค่าน้ำประปา ค่าโรงเรือน เฉลี่ยต้นทุนละมากกว่าต้นละ 10 บาท และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูรดทำและอื่น ๆอีกทุก ๆวัน เมื่อผิดสัญญาจะมาบอกเลิกสัญญาแล้วจะจ่ายคืนเงินค่าวางมัดจำโควต้าต้นละ 1 บาท และค่าเลี้ยงดูอีกต้นละ 1 บาท มันชอบธรรมแล้วหรือ และต้นกล้ากระท่อมเริ่มจะเสียหาย จะขายช่วงนี้ก็ไม่มีใครซื้อแล้ว เป็นถึงบุคคลมีชื่อเสียง และเท่าที่รู้มายังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ยังไม่กล้าออกมาทั้งในจังหวัดชุมพรและจังหวัดใกล้เคียง หลังจากนี้พวกตนจะไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย” นางเสาวนีย์ ช่วยชูหนู  กล่าวเพิ่ม

ธนากร โกศลเมธีรายงาน

ข่าวที่น่าติดตาม