“บิ๊กเกรียง” แม่ทัพภาคที่ 4 ออกจากโรงโรงพยาบาล ม.อ. แล้ว หลังเข้ารับการรักษาจากเหตุเฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์กลงจอดฉุกเฉินในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา

ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นเวลาเกือบ 50 วัน พร้อมกันนี้ได้ขอบคุณคณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ทำเสื้อให้แทนคำขอบคุณ และกล่าวชื่นชมที่ดูแลทุกคนเป็นอย่างดี และจะขอยึดแบบอย่างของความเสียสละเป็นแนวทางในการทำงานต่อไป

จากกรณีเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ทหารบกแบ็ลฮอว์กคณะของ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และทหารบนเครื่องรวม 7 นาย ลงจอดฉุกเฉินในป่าสวนยางของชาวบ้านพื้นที่ หมู่ 1 บ้านคลองยอ ต.วังใหญ่ อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อช่วงสายของวันที่ 15 ก.ค. 65 ที่ผ่าน เป็นเหตุให้ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ และถูกส่งตัวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในเวลามา
โดยหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักคือ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่กระดูกอุ้มเชิงกรานหัก และหลังจากการรักษาตัวได้ระยะหนึ่งมี บางส่วนที่อาการไม่หนักมากสามารถออกจากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และบางส่วนกลับไปพักฟื้นยังภูมิลำเนา รวมทั้งบางนายก็ส่งตัวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า นั้น

ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวานที่ 2 ก.ย. 65 ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทาง พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 สามารถเดินทางออกจากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อกลับไปพักฟื้น และกายภาพบำบัดต่อที่บ้านพักภายในค่ายเสนาณรงค์ มณฑลทหารบกที่ 42 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้แล้ว
ซึ่งอาการโดยรวมของแม่ทัพภาคที่ 4 สามารถใช้ Walker ในการช่วยพยุงเดิน อาการเจ็บปวดด้านร่างกายน้อยลง และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น ทางคณะแพทย์จึงลงความเห็นให้แม่ทัพภาคที่ 4 ออกจากโรงพยาบาลได้ในวันนี้
ทั้งนี้ก่อนเดินทางออกจากโรงพยาบาลนั้น ทาง แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย ดร.คนึงนิตย์ ศรีรักษ์ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 4 และครอบครัว ได้มอบของที่ระลึกแทนคำขอบคุณให้แก่ทีมคณะแพทย์ พยาบาล และ เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นเสื้อที่มีใจความว่า “แทนคำขอบคุณจากใจแม่ทัพเกรียง”

พร้อมกล่าวขอบคุณทีมคณะแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ที่คอยดูแลประคับประคองอาการทุกคนอย่างดี โดยระบุว่า “ผมและครอบครัวจะจดจำไว้ในความทรงจำ และจะตอบแทนทางโรงพยาบาลทุกครั้งเมื่อที่มีโอกาส โดยตลอดเวลาที่เข้ารับการรักษา ผมเชื่อมั่นเสมอในความสามารถของบุคลากร อุปกรณ์และเทคโนโลยี ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลที่มีความทันสมัย ดีใจแทนพี่น้อง 14 จังหวัดภาคใต้ ที่มีโรงพยาบาลที่สามารถรองรับ และดูแลประชาชนทุกคนได้เป็นอย่างดี
ผมเองยังยึดมั่นกับคำว่า “ลงมือทำคือคำตอบ” เราสามารถเอาบทเรียนจากการลงมือมาวิเคราะห์ ปรับปรุง ต่อยอดการทำงาน ผมเห็นการทำงานของทางโรงพยาบาลที่นี่ ถือเป็นแนวทางการทำงานต่อไปในด้านความเสียสละ เพราะ ทุกคนที่นี่ทำทุกหน้าที่ด้วยหัวใจที่มีจิตอาสาบริการอย่างแท้จริง”
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ต่างก็ให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อเป็นกำลังใจ และพร้อมกลับไปปฏิบัติงานรับใช้ประเทศชาติต่อไป