ชุมพร- ยื่นหนังสือพ่อเมืองชุมพร ทบทวนและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี
ชุมพร- ยื่นหนังสือพ่อเมืองชุมพร ทบทวนและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 ตุลาคม 2565เรื่อง ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 เวลา 09.30 น ที่ศาลากลางจังหวัดชุมพร นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรรับมอบหนังสือทบทวนและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 ตุลาคม 2565เรื่อง ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร จากตัวแทนสภาองค์ชุมชนอำเภอปะทิว[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=GE9wMCIW0mE[/embedyt]
ชุมพร นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย นายศักดิ์ชาย พยันตา ประธานสภาองค์กรชุมชนอำเภอปะทิว นายไตรฤกษ์ มือสันทัด นายพิศาล สันติวิชยะ นายประเสริฐ แตกช่อ รวมทั้ง นายปรีชา สุวีรานุวัฒน์ นายกสมาคมชาวประมงปากน้ำหลังสวน ดร.วิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ที่ปรึกษาสมาคมฯ พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ นายกสมาคมชาวประมงปากน้ำชุมพร นางชงโค นิลสถิตย์ นายกสมาคมชาวประมงปะทิว-คอสน ตัวแทนเครือข่ายท่องเที่ยวโดยชุมชน อ.ปะทิว นายชลิต ชุมเกษียร นายกเทศมนตรีตำบลชุมโค นายอำนาจ ทองหญีต นายกเทศมนตรีตำบลบางสน นายกฤษฎาโลพิศ นายกเทศมนตรีตำบลสะพลี นายทรงสิทธิ์ พุ่มศรี
นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากคลอง นายนิกร คอนกำลัง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสะพลี นายสมโชค พันธุรัตน์ประธานเครือข่ายท่องเที่ยวโดยชุมชน อ.ปะทิว นายนรงค์ ม่วงทองคำ ประธานกลุ่มวิสาหกิจประมงอำเภอประทิว
ร่วมประชุมตัวแทนชาวประมงและชาวบ้านในพื้นที่ 4 ตำบลของ อ.ปะทิว ประกอบด้วย ต.ปากคลอง ต.ชุมโค ต.บางสนเรื่องขอให้ทบทวนและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 ตุลาคม 2565เรื่อง ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร
รายงานการประชุมเครือข่ายสภาองค์ชุมชนอำเภอปะทิว วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565ตาม มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 ตุลาคม 2565 เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เพื่อรักษาคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะด้านกายภาพ อันเป็นแหล่งอาศัย แหล่งอาหารของสัตว์หายาก รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งในปัจจุบันมีแนวโน้มเสื่อมโทรมเพิ่มมากขึ้นจำเป็นต้องกำหนดมาตรการคุ้มครองเพื่อป้องกันการเสื่อมโทรมในพื้นที่ดังกล่าว นั้น เครือข่ายสภาองค์ชุมชนอำเภอปะทิว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ท้องที่ เครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดชุมพร กลุ่มชุมชนชายฝั่ง กลุ่มประมงท้องถิ่น และเครือข่ายประมงพื้นบ้าน ได้ร่วมประชุมเพื่อรับฟังและร่วมแสดงความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ตามประกาศ (รายละเอียดดังสิ่งที่ส่งมาด้วย)
ซึ่งสามารถสรุปประเด็นที่สำคัญได้ดังนี้ 1. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. ….ขัดแย้งความเป็นจริง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้เป็นพื้นที่เสื่อมโทรมตามที่กล่าวอ้าง ทั้งนี้ประชาชนในพื้นที่ทำกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ตั้งปี 2545 มีการจัดตั้งกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มป่าชายเลน
กลุ่มประมงพื้นบ้าน กลุ่มธนาคารปูม้า กลุ่มแปรรูป กลุ่มชุมชนประมงท้องถิ่น กลุ่มชุมชนชายฝั่ง และกลุ่มการท่องเที่ยวโดยชุมชน 4 ตำบล ซึ่งจากการดูแลฐานทรัพยากรจนเกิดความอุดมสมบูรณ์ สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ต้องพึ่งพาฐานทรัพยากรที่อุดมบูรณ์ให้อำเภอปะทิวกว่า 42,000,000บาท/ปี โรงแรมและรีสอร์ทมีนักท่องเที่ยวกว่า 25,000 คน/ปีคิดเป็นรายได้ 10,000,000 บาท/ปีกลุ่มประมงพื้นบ้านมีรายได้กว่า 30,000 บาท/ครัวเรือน/เดือน
ทั้งนี้เครือข่ายภาคประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่กว่าร้อยละ 80 ประกอบอาชีพประมง และการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ต้องพึ่งพาฐานทรัพยากรและสิ่งต่างๆเหล่านี้สามารถยืนยันความอุดมสมบูรณ์ของฐานทรัพยากรของอำเภอปะทิวได้เป็นอย่างดี 2.ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ตลอดแนวชายฝั่ง ทั้ง 4 ตำบล อีกทั้งประชาชนผู้มีส่วนได้เสียไม่ได้รับรู้ถึงร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- ปัจจุบันพื้นที่อำเภอปะทิว และพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดชุมพร มีกฎหมายที่ยังบังคับใช้ในพื้นที่กว่า 6 ฉบับ ซึ่งเพียงพอต่อการคุ้มครองและรักษาคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ทั้งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 แลพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 4.ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ และวิถีชีวิตของประชาชน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชีพการท่องเที่ยวโดยชุมชน และอาชีพประมงพื้นบ้าน 5. ด้วยประเด็นทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ประชาชนในพื้นที่จึงเห็นว่าร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าวไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงและไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายฉบับนี้ ที่สำคัญร่างประกาศกระทรวงฉบับนี้ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา77 รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้า เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน และดำเนินการให้ประชาชนเข้าถึงตัวบทกฎหมายต่าง ๆได้โดยสะดวกและสามารถเข้าใจกฎหมายได้ง่ายเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมทั้งเปิดเผยผลการรับฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์นั้นต่อประชาชน และนำมาประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมายทุกขั้นตอน เมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว รัฐพึงจัดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายทุกรอบระยะเวลาที่กำหนดโดยรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องประกอบด้วย เพื่อพัฒนากฎหมายทุกฉบับให้สอดคล้องและเหมาะสม
กับบริบทต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป
ดังนั้น เครือข่ายสภาองค์ชุมชนอำเภอปะทิว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชน และกลุ่มวิสาหกิจประมงอำเภอประทิวจึงเห็นควรมีหนังสือขอให้ทบทวนและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 ตุลาคม 2565 เรื่อง ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร
โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ได้รับหนังสือฉบับดังกล่าวด้วยตนเอง พร้อมกล่าวว่า “จากมติ ครม. นั้น ทางจังหวัดได้สืบค้นข้อมูลแล้ว พบว่าเรื่องนี้ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2553 ซึ่งได้เงียบหายไปนาน ก่อนจะมารับทราบจากมติ ครม. ดังกล่าว และเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะทราบดีอยู่ว่าพื้นที่ทั้ง 4 ตำบลนั้นได้มีการพัฒนา มีพี่น้องชาวประมงประกอบอาชีพ ทำมาหากิน และช่วยกันดูแลพื้นที่มาอย่างดี พอมีประกาศมา ส่วนราชการก็ได้ปรึกษาหารือกันแล้วว่าจะกระทบต่อพี่น้องประชาชนหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการประกอบอาชีพประมง ทั้งประมงพื้นบ้าน ประมงพาณิชย์ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ จึงได้ทำหนังสือไปที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปก่อนแล้ว 1 ฉบับ เพื่อขอให้ทางกระทรวงได้พิจารณาถึงผลกระทบ ที่จะก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ก่อนที่จะประกาศใช้ และในวันนี้ก็จะส่งหนังสือขอพี่น้องประชาชนที่มายืนให้ ไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเรียนถึงนายกรัฐมนตรีให้ทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเร็วที่สุด
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514