รายงานพิเศษ สนามการเมืองภาคใต้ ระวัง”พรรคเฉพาะกิจ” จะตกม้าตาย ตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่”สนามรบ”
รายงานพิเศษ
สนามการเมืองภาคใต้ ระวัง”พรรคเฉพาะกิจ” จะตกม้าตาย ตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่”สนามรบ”
การเดินออกจาก”พรรคประชาธิปัตย์” ของ”สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล” อดีต สส. ของ จ.ตรัง ที่เป็นถึง เลขานุการ ของ”ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ถือว่าเป็น”เลือดไหล” ออกจาก”ประชาธิปัตย์” แต่เป็นเพราะต้องออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อที่จะลงสมัคร รับเลือกตั้ง เพื่อเป็น”สส.เขต” โดยไม่ประสงค์ที่จะเป็น”สส.บัญชีรายชื่อ”ของพรรค
สาเหตุมาจากในเขตเลือกตั้งที่ 4 ของ จ.ตรัง มีผู้สมัครมากกว่า 1 คน จึงต้องมีการ”ทำโพล” และผลของโพล ที่ออกมา ปรากฏว่า “สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล” มีคะแนนนิยมของคนในเขต 4 น้อยกว่า”คู่แข่ง” และ”สมบูรณ์” เชื่อว่า”ผลโพล” ที่ออกมาไม่”โปร่งใส” เมื่อเรียกร้องให้มีการ”ทบทวน” ไม่ได้ผล “สมบูรณ์”จึงต้อง”เดินออก” จากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อทำตาม”เจตนารมณ์” คือการ เป็น”สส.เขต” โดยการหาพรรคการเมืองใหม่มาสังกัด ซึ่งพรรคที่”คุ้นเคย” คือ”พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่มี อดีตคนของ”ประชาธิปัตย์” เข้าไปสังกัดพรรคแล้วจำนวนหนึ่ง มีทั้ง”รุ่นเล็ก รุ่นกลาง และรุ่นใหญ่ อย่าง” ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี และหัวหน้าพรรคเอง ก็เป็นอดีตคนของ”ประชาธิปัตย์”ซึ่งเป็น”บ้านหลังใหม่” ที่น่าจะ”ดูดี” กว่าการไปสังกัดพรรคอื่นๆ
นี่เป็น”วีถีชีวิต” ของ”นักการเมือง” ที่เมื่อในพรรคเดิมไม่มีพื้นที่ให้ลงรับสมัคร ก็ต้องไปหาพรรคการใหม่สังกัด เพื่อเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง เพื่อให้ ประชาชน ได้ตัดสินใจว่าจะเลือก หรือไม่เลือก ซึ่งทุกพรรคการเมือง ก็มี”ปรากฏการ” ของ “สส. หรือ “สมาชิกพรรค” ที่”เดินออกจากพรรค” และหา”พรรคใหม่สังกัด” เพื่อการลงสนามเลือกตั้ง”พิสูจน์” ความ”ศรัทธา” ของประชาชน ดังนั้น การเดินออกจาก”ประชาธิปัตย์” ของ”สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล” จึงเป็นเรื่อง”ปกติ” ที่ แม้แต่” ชวน หลีกภัย” ผู้”อาวุโส” ในพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้อง”นิ่งเงียบ” เพราะมาจากผลของการ”ทำโพล” ที่เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้อง”ยอมรับ” ใน “กติกา” ที่กำหนดขึ้น ที่สำคัญ การเลือกตั้ง สส.เขต 4 จ.ตรัง ในสมัยหน้า จะเป็นการพิสูจน์ระหว่าง ”ผลโพล” กับความเป็น”สมบูรณ์” ว่า อันไหนน่าเชื่อถือกว่ากัน
ดังนั้นการ”เดินออก”จากพรรคประชาธิปัตย์ของ อดีต สส. และ สส.ที่ยังอยู่กับ”ประชาธิปัตย์” แต่ได้แจ้งให้พรรคฯรับทราบแล้วว่า สมัยหน้า จะไป “สังกัดพรรคการเมืองอื่น” จึงไม่ได้ทำให้เกิดความ”ระส่ำระสาย” ในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะ”คนการเมือง” ย่อมรู้จัก”คนการเมือง” รู้”ระแคะระคาย” กันล่วงหน้าว่า ใครจะอยู่ และใครจะไป จึงมีการ”เตรียมการ” ล่วงหน้าในการ ”สรรหา” ผู้สมัครใหม่เข้ามา แทนที่ในเขตที่มี สส.ลาออกไปสังกัดพรรคใหม่
ซึ่ง ติดตามดูการ”จัดทัพ” เพื่อการ”เลือกตั้ง” ในปี 2566 ของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” หัวหน้าพรรค และ นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค ที่ทำหน้าที่”ผู้อำนวยการเลือกตั้ง” จะเห็น”ความนิ่ง” ในการ”รับมือ” กับทุกปัญหา ทั้งเรื่องการลาออกของคนของ”ประชาธิปัตย์” เรื่อง”พลังดูด”ของ พรรคการเมืองอื่นๆ ที่ต้องการ”แย่ง”สส.เขต จากพรรคประชาธิปัตย์ และการ”เคลื่อนไหวของ” พรรคเฉพาะกิจ” ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อการเลือกตั้งครั้งนี้ และมีเป้าหมายที่จะ” บดขยี้” พรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะ
“นิพนธ์” ใช้ความ”ช่ำชอง” ในการเป็น”นักการเมืองอาชีพ” ตั้งแต่สมัยเป็น สมาชิกสภาจังหวัดสงขลา 2 สมัย และเป็น สส.อีก 6 สมัย ก่อนที่จะลาออกมาทำการเมือง”ท้องถิ่น” ด้วยการเป็น นายกองค์การบริหารจังหวัดสงขลา 2 สมัย ก่อนที่จะลาออกเพื่อไปรับตำแหน่ง รมช.มหาดไทยในโควต้าพรรคประชาธิปัตย์ และล่าสุด ลาออก เพื่อสู้คดี ที่ถูกกว่าหาจาก ปปช. เรื่อง”ฮั้วประมูล” ในสมัยที่เป็น นายก อบจ.เพื่อที่จะได้แสดง “เจตนา” ไม่เอา”ตำแหน่ง” รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย มาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดี และเพราะ”ประสบการณ์” ในด้าน”การเมือง” ทั้งใน”การเมืองท้องถิ่น” และ”การเมืองระดับชาติ” ที่ทำให้ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เลือก”นิพนธ์” ในการทำหน้าที่ “ผู้อำนวยการเลือกตั้ง” เพื่อรับศึกการเลือกตั้ง ที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 ที่จะถึงนี้
วันนี้ “ประชาธิปัตย์” มีความพร้อมที่สุด ทั้งในเรื่อง”ของคน” และ”แผนงาน” ในทุกด้าน ถ้าตัดเรื่อง”พลังดูด” และเรื่องของ”ผลโพล” ที่ทำให้คนของ”ประชาธิปัตย์” ส่วนหนึ่งต้อง”เดินจากไป” ต้องถือว่า “ประชาธิปัตย์” เป็นพรรคการเมืองพรรคเดียว ที่มีความพร้อมที่สุดในการ”รับมือ” กับการ”เลือกตั้ง” ครั้งนี้
โดยเฉพาะงานด้าน”สื่อสารกับสังคม” ที่”นิพนธ์” เป็นผู้”กำกับดูแล” ที่มีการนำเอา”จุดขาย” ที่เป็น”จุดเด่น” ของ”ประชาธิปัตย์” ตั้งแต่ในอดีต จนถึง”ปัจจุบัน” ออกมาให้”ประชาชน” รุ่นใหม่ ได้”รับรู้” เพื่อชี้ให้เห็นถึง”ศักยภาพ” ของ พรรคประชาธิปัตย์ และของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” ที่เป็น หัวหน้าพรรค ที่เคยสร้างผลงานในกระทรวง ศึกษาธิการ” และ”กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงผลงานในปัจจุบันที่ “โด่ดเด่น”คือเรื่อง”ประกันรายได้”ของเกษตรกร และเรื่องของความ”โปร่งใส” ไม่มีการ”ทุจริต” เกิดขึ้น ใน กระทรวง ที่ “ประชาธิปัตย์”รับผิดชอบ
ในขณะที่”พรรคการเมืองเฉพาะกิจ” ที่ทำเป็นเพียงการ”กวาดต้อน” เอา สส.ของพรรคอื่น และการสร้าง”พันธมิตร” กับ”บ้านใหญ่” ไม่กี่หลังในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อ”บดขยี้” พรรคประชาธิปัตย์ วันนี้พรรคเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมา กำกลังกลายเป็นพรรคที่”ไปไหนมาสามวาสองศอก” พลังดูด ไม่ขลัง อย่างที่คิด จำนวน สส.จากพรรคต่างๆ ที่จะเข้ามาสังกัดพรรค”น้อยกว่าที่คาดหมาย” มีปัญหา”ภายใน” ที่ยัง”สะสาง” ไม่ลงตัว และที่สำคัญ” นายทุน” เจ้าของ”ถุงเงิน” เริ่มมีอาการ”ลังเล” เพราะมองเห็น”อนาคต” ว่า”พรรคเฉพาะกิจ” ที่ตั้งขึ้นใหม่ เพื่อส่งให้”บิ๊กตู่” เป็น”นายกรัฐมนตรี” สมัยที่ 3 ไม่ได้”สดใสกาววาว” อย่างที่คิด
ถ้าพรุ่งนี้ มีการ”ยุบสภา” และมีการจัดการเลือกตั้งตามที่กฎหมายกำหนด พรรคประชาธิปัตย์ ที่มี”จุรินทร์” เป็น”หัวหน้าพรรค” และมี”นิพนธ์” เป็น”ผู้อำนวยการเลือกตั้ง” จะเป็นพรรคที่มีความพร้อมที่สุดในสนามเลือกตั้งของภาคใต้ ที่นอกจากจะรักษา”ที่นั่งเดิม” ไว้ได้แล้ว ยังจะเพิ่มจำนวน สส.ในทุกพื้นที่”หลายจังหวัดจะ”ยกทีม” และหลายจังหวัดจะได้ สส.กลับคืน ซึ่งเสียไปในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 และ แม้แต่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่”นิพนธ์” เป็นผู้”รับผิดชอบ” แม้จะเสีย”อัลวาร์ สาแหละ” สส.ของพรรคเพียงคนเดียวที่มีอยู่ แต่”ประชาธิปัตย์” จะได้ สส.เพิ่มขึ้นอย่างต่ำ 3 ที่นั่ง
ส่วน”พรรคเฉพาะกิจ” ที่ตั้งขึ้นมา โดยมี”เป้าหมาย” ในการ”บดขยี้” เพื่อ “แย่งชิง” สส.เขต จาก”ประชาธิปัตย์” ในภาคใต้ ถ้ามีการ”ยุบสภา” และ”เลือกตั้ง” ในวันพรุ่งนี้ ก็จะเป็น”พรรคการเมืองเฉพาะกิจ” ที่”พ่ายแพ้” และ”ตกม้าตาย” ตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าสู่”สนามรบ” ด้วยซ้ำ
เพราะเหตุนี้แหละ ที่ทำให้”บิ๊กตู่” มีอาการ”ลังเล”ไม่ตอบคำถามของ”นักข่าว”เกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองว่าจะอยู่”พรรคไหน” และเพราะเหตุนี้กระมัง ที่ทำให้”บิ๊กตู่” ต้อง”ลากยาว” รัฐบาลชุดนี้ให้อยู่”ครบเทอม” โดยไม่กล้าที่จะ”ยุบสภา” เพราะ”ยุบสภาโดยที่”พรรคเฉพาะกิจ” ที่ประกาศหนุน”ลุงตู่”ยังไม่มีความพร้อมในการเข้าสู่” สนามรบ” ในการ”เลือกตั้ง” ครั้งนี้ อาจจะพาให้”ลุงตู่” ต้อง”ตกม้าตาย”ไปด้วย นั่นเอง
นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา