กาฬสินธุ์ ไอ้หนุ่มรถไถเศร้ารถน้ำแข็งคนมีสีชนแล้วยังไม่ได้รับผิดชอบ
ไอ้หนุ่มรถไถวัย 46 ปี ชาวตำบลดอนสมบูรณ์ อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ร้องเครือข่ายอาสายุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ วอนคู่กรณีออกมารับผิดชอบ หลังขับรถไถออกจากบ้านไปไถนา แต่ถูกรถกระบะบรรทุกน้ำแข็งของคนมีสีพุ่งชนท้าย รถเสียหลักตกถนนได้รับความเสียหายและได้รับบาดเจ็บ เหตุผ่านมา 10 วันไม่สามารถติดต่อคู่กรณีได้ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม หอบเอกสารร้องเรียนขอความเป็นธรรมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 ที่ถนนเลียบคลองชลประทาน สายบ้านดงเค็ง-โคกศรี ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ชาวบ้าน 7 คนนำโดยนายอุทิตย์ ขันทะจำนงค์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115 บ้านดงเค็ง ต.ดอนสมบูรณ์ พร้อมญาติชี้จุดเกิดเหตุรถกระบะบรรทุกน้ำแข็ง ชนท้ายรถไถนาติดโรตารี หรืออุปกรณ์ตีดิน โดยเหตุเมื่อวันที่ 7 ม.ค.66 เวลาประมาณ 05.40 น. ซึ่งระบุว่าหลังเกิดเหตุผ่านมา 10 วัน คู่กรณีที่เป็นฝ่ายชน ยังไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ทั้งๆที่ลงชื่อยินยอมชดใช้ค่าเสียหายทุกกรณีกับตน ต่อหน้าพนักงานสอบสวน ที่สภ.ยางตลาด ในวันที่เกิดเหตุแล้ว แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมากลับไม่สามารถติดต่อได้อีก แม้แต่พนักงานสอบสวนก็ไม่รับสาย หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม รถเสียหาย บาดเจ็บฟรี เนื่องจากทราบว่าคู่กรณีซึ่งเป็นเจ้าของรถเป็นคนมีสี
นายอุทิตย์ ขันทะจำนงค์ อายุ 46 ปี ไอ้หนุ่มรถไถผู้เสียหาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุวันที่ 7 ม.ค.66 เวลาประมาณ 05.40 น. ดังกล่าว ตนได้ขับรถไถออกมาจากบ้าน เพื่อที่จะไปตีดินที่ไถไว้เพื่อหว่านข้าวนาปรัง โดยส่วนท้ายของรถไถติดตั้งอุปกรณ์โรตารี และติดไฟส่องสว่างทั้งด้านหน้าด้านหลัง ซึ่งขับเลนซ้ายช้าๆตามปกติ ก่อนที่จะมีรถกระบะคู่กรณีขับไล่หลังมาด้วยความเร็ว และเหตุไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น แทนที่รถกระบะคู่กรณีจะหักเลนขวาเพื่อแซงตน กลับพุ่งชนท้ายรถไถตนเต็มแรง ตนตัดสินใจกระโดดออกจากรถ ขณะที่รถไถเสียเหล็กหมุนคว้าง หันหัวกลับและพลิกตะแคงซ้าย ขณะที่รถกระบะคู่กรณีซึ่งทราบทีหลังว่าเป็นรถบรรทุกน้ำแข็ง ได้รับความเสียหายที่บริเวณกระโปรงหน้า ซึ่งตนได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าทั้ง 2 ข้าง โดยคนขับรถกระบะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด โชคดีที่ติดตั้งอุปกรณ์โรตารี หากเป็นผานไถนา ทั้งรถและคนขับคู่กรณีคงจะได้รับความเสียหายมากกว่านี้
นายอุทิตย์กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาดได้มาตรวจเหตุ ซึ่งคนขับรถน้ำแข็งมีลักษณะอาการเหมือนคนเมา หลังจากนั้นมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำอุปกรณ์มายกรถออกจากที่เกิดเหตุ ต่อมาในช่วงสายของวันดังกล่าว ได้ลงชื่อบันทึกประจำวันต่อหน้าพนักงานสอบสวน โดยคนขับรถน้ำแข็ง ยอมรับว่าเป็นคนงานของโรงงานน้ำแข็งแห่งหนึ่ง ใน ต.บัวบาน อ.ยางตลาด โดยเจ้าของเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานหนึ่งในตัว จ.กาฬสินธุ์ ทั้งนี้ คนขับรถบรรทุกน้ำแข็งยอมรับผิดชอบทุกกรณี ทั้งค่ารถยกและค่าซ่อมรถไถนาของตน ซึ่งอู่ซ่อมได้ประเมินราคาประมาณ 50,000 บาท อย่างไรก็ตามหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ไม่สามารถติดต่อคู่กรณีได้ หรือแม้แต่พนักงานสอบสวนก็ติดต่อไม่ได้ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงร้องเรียนผ่านเครือข่ายยุติธรรม และเตรียมเอกสารร้องเรียนต่อผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ในวันนี้
ด้านนางพุฒ ภูต้องใจ อายุ 63 ปี ญาตินายอุทิตย์กล่าวว่า ปกติในฤดูทำนาปรังนอกจากนายอุทิตย์จะทำนาของตนและเช่าที่นาคนอื่นรวมกว่า 100 ไร่แล้ว ยังรับจ้างไถนาอีกด้วย มีรายได้ไม่น้อยกว่า 40,000-50,000 บาท แต่หลังจากรถไถนายอุทิตย์ถูกกระบะบรรทุกน้ำแข็งชนได้รับความเสียหาย ซึ่งขณะนี้รถเข้าอู่รอซ่อม ขณะที่คนขับรถที่เป็นคู่กรณีลงชื่อยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย แต่ถึงวันนี้ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่พนักงานสอบสวนเองเคยโทรศัพท์ไปเพื่อสอบถาม ก็ติดต่อไม่ได้ จึงได้รับความเดือดร้อน ไม่มีเงินค่าซ่อมรถไถ เสียโอกาสในการรับจ้างไถนา และเมล็ดข้าวที่บ่มไว้รอหว่าน ก็คงจะเน่าเสียหายเพราะนายอุทิตย์ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ จึงกลัวไม่ได้รับการเหลียวแลคู่กรณี ในวันนี้จึงได้นำเอกสารมาร้องความเป็นธรรม และขอคำปรึกษาด้านคดีความกับท่านผู้การฯกาฬสินธุ์ เพราะตอนนี้นายอุทิตย์เดือดร้อนมาก
ด้าน พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารร้องเรียนและสอบถามนายอาทิตย์ ผู้เสียหาย รวมทั้งโทรศัพท์สายตรงกับพนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาดเจ้าของคดี ทราบว่าทางคดีจราจรนายอุทิตย์เป็นฝ่ายได้เปรียบและไม่ใช่ฝ่ายผิด ขณะที่คู่กรณีคือรถกระบะบรรทุกน้ำแข็งเป็นฝ่ายผิด เนื่องจากขับขี่ด้วยความเร็วและเป็นฝ่ายขับรถชนท้ายรถไถ
พล.ต.ต.สุวรรณ์กล่าวอีกว่า จากการสอบถามพนักงานสอบสวน ทราบว่าทางอาญาถือเป็นที่สิ้นสุด เนื่องจากคนขับรถกระบะบรรทุกน้ำแข็งยอมรับผิด และมีการเปรียบเทียบปรับทางจราจรแล้ว ส่วนการเรียกร้องความเสียหายนั้นเป็นในส่วนของคดีแพ่ง หากคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายไกล่เกลี่ยกันไม่ได้ หรือฝ่ายคนขับรถกระบะบรรทุกน้ำแข็งยังไม่ยอมชดใช้ ก็สามารถแต่งทนายเรียกร้องความเสียหายได้ ทั้งนี้ ในเบื้องต้นก็ได้กำชับให้พนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาด ให้ความอนุเคราะห์และให้ความสะดวกฝ่ายผู้เสียหาย โดยเรียกฝ่ายคนขับรถกระบะมาเจรจา และให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย