พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ สั่งทลายสมาคมเถื่อน “แก๊ง14K” เพื่อหลอกลวงทรัพย์สิน และหาผลประโยชน์จากคนไทยและจีน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ สั่งทลายสมาคมเถื่อน “แก๊ง14K” เพื่อหลอกลวงทรัพย์สิน และหาผลประโยชน์จากคนไทยและจีน
จากกรณีสำนักข่าวและสื่อสังคมออนไลน์นำเสนอเกี่ยวกับกลุ่มแก๊งมาเฟียจีน ชื่อกลุ่ม 14K เข้ามาตั้งสมาคมที่ผิดกฎหมาย เพื่อมาประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ทุนจีนสีเทา นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว หากพบการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุด
จากการสืบสวนทราบว่าได้มีกลุ่มคนจีนจัดตั้งสมาคมเชื่อได้ว่าขัดต่อกฎหมายจริง โดยตรวจพบสมาคมที่ใช้ชื่อ “หงเหมิน” ประกอบในชื่อสมาคมจำนวน 2 แห่ง คือ
1.สมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลกหงเหมิน มี “นายป๋าย จ้าวฮุย”(Mr.Bai Zhaohui / 白兆辉) ซึ่งแสดงตัวว่าได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสมาคม ประจำสาขาไทย มีที่ตั้งสมาคมอยู่ที่แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันเดินทาง ออกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 (ก่อนมีการนำเสนอข่าว)
2.สมาคมพันธมิตรหงเหมินโลก มีนายวุฒิ แซ่เหลียง แสดงตัวว่าได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสมาคม ประจำสาขาไทย
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจสอบสมาคมทั้ง 2 ดังกล่าวพบว่า สมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลกหงเหมินประจำสาขาประเทศไทยและ สมาคมพันธมิตรหงเหมินแห่งโลก สาขาประเทศไทย ไม่มีการขออนุญาตจัดตั้งสมาคมแต่อย่างใด อีกทั้งไม่พบว่ามีสมาคมใดใช้ชื่อ “หงเหมิน” หรือ “หงเมน” จดจัดตั้งสมาคมอีกด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมปกครองจึงยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาล
และเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่กรมปกครอง กระทรวงมหาดไทยนำกำลังเข้าค้นสมาคมทั้งสอง โดยผลการตรวจค้นปรากฏดังนี้
1.ที่อยู่แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร พบเป็นอาคารพาณิชย์ลักษณะภายในตกแต่งเป็นสมาคม มีตราสมาคม, ป้ายสมาคม และสุราต่างประเทศซึ่งไม่มีอากรแสตมป์ปิดไว้ อยู่ภายในอาคารดังกล่าว โดยมีนายป๋าย จ้าวฮุย เป็นผู้เช่า จึงตรวจยึดของกลาง รวบรวมพยานหลักฐานและร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และได้ออกหมายจับผู้กระทำความผิดแล้ว
2.ที่อยู่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร พบเป็นอาคารพาณิชย์ ภายในตกแต่งเป็นห้องหรู มีป้ายสมาคมติดอยู่ภายใน สอบถามจากบุคคลผู้แสดงตัวเป็นนายกสมาคม รับว่าไม่เคยขออนุญาตตั้งสมาคมแต่อย่างใด จึงตรวจยึดของกลางและร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินคดีในความผิดฐาน
“เป็นผู้ดำเนินกิจการของคณะบุคคลใดโดยกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่ากิจการนั้นเป็นสมาคมที่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และการกระทำดังกล่าวว่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้ใดหรือประชาชน”
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับสมาคมจีนสีเทา ซึ่งลักลอบเปิดขึ้นมาโดยไม่มีการขออนุญาตจากกรมการปกครอง โดยมีพฤติการณ์ในการใช้ภาพถ่ายคู่กับบุคคลสำคัญที่เป็นที่รู้จักในสังคม นำมาสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสมาคมของตนเอง เพื่อหวังจะหลอกลวงให้ผู้อื่นนำเงินมาบริจาค ซึ่งมีผู้เสียหายหลงเชื่อและบริจาคเงินจำนวนมาก
จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบข้อมูลเพื่อยืนยันข้อเท็จจริง จากนั้นได้เข้าตรวจสอบที่ตั้งของสมาคมเหล่านี้ ซึ่งจะพบพยานหลักฐานเกี่ยวกับการจัดตั้งสมาคมผิดกฎหมาย และอาจพบสิ่งผิดกฎหมายอย่างอื่นเช่น สุราต่างประเทศหนีภาษี เป็นต้น จึงให้จับกุมผู้จัดตั้งสมาคมจีนสีเทาเหล่านี้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด จากนี้จะมีการขยายผลเพิ่มเติมหากพบมีผู้เกี่ยวข้องหรือมีการนำเงินที่ได้นำไปใช้กระทำผิดเพิ่มเติมจะดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป