กาฬสินธุ์-“พรรคเปลี่ยนอนาคต” หมายเลข 65 ลงพื้นที่หาเสียงกาฬสินธุ์ ชูนโยบายใหญ่ “ทวงสิทธิคนพิการ”
กาฬสินธุ์-“พรรคเปลี่ยนอนาคต” หมายเลข 65 ลงพื้นที่หาเสียงกาฬสินธุ์ ชูนโยบายใหญ่ “ทวงสิทธิคนพิการ”
ผศ.ดร.อัครนันท์ อริยศรีพงษ์ หัวหน้าพรรคเปลี่ยนอนาคต พร้อมด้วยนายพินโย รู้ธรรม ผอ.พรรคเปลี่ยนอนาคต พร้อมผู้บริหารพรรค นำทีมลงพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ร่วมสังเกตุการณ์กับ 9 ครอบครัวคนพิการที่ได้รับเงินทุนประกอบอาชีพจากสถานประกอบการเอกชน ตามมาตรา 35 พรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยทุนที่ได้คำนวนจากค่าแรงขั้นต่ำวันละ 318 บาท เป็นเวลา 1 ปี (365 วัน) ซึ่งครอบครัวคนพิการต้องนำเงินทุนดังกล่าวไปประกอบอาชีพ มีการจัดทำบัญชีโปร่งใสตรวจสอบได้
ผศ.ดร.อัครนันท์ เปิดเผยว่า เงินทุนประกอบอาชีพตามมาตรา 35 เป็น 1 ในนโยบายที่สามารถทำได้เลย ทำได้จริง ซึ่งตามมาตรา 35 กำหนดว่าสถานประกอบการที่ไม่ประสงค์จะรับคนพิการเข้าทำงานตามมาตรา 33 สามารถช่วยเหลือคนพิการและครอบครัว หรือ ผู้ดูแลคนพิการในรูปแบบทุนประกอบอาชีพ ซึ่งมูลนิธิปัญพัฒน์เพื่อคนพิการที่ทำงานร่วมกับพรรคเปลี่ยนอนาคตมาโดยตลอด เล็งเห็นว่าการสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับคนพิการและครอบครัว เป็นการช่วยเหลือที่ยั่งยืน เช่น 9 ครอบครัวคนพิการ ได้นำเงินทุนไปประกอบอาชีพตามความถนัด เช่นการเปิดร้านค้าปลีกซึ่งวันนี้ทางพรรคได้ร่วมสังเกตุการณ์ 6 ครอบครัวคนพิการจัดซื้อสินค้าที่ห้างแมคโครเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ และเป็นทุนหมุนเวียน ส่วนที่เหลือ 3 ครอบครัวใช้ทุนในการเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู และเปิดร้านถ่ายเอกสาร อุปกรณ์การเรียนในหมู่บ้าน
เช่นครอบครัวของนางสนอง ชาติโรจน์ อายุ 76 ปี ที่สามีได้รับอุบัติเหตุต้องตัดขา และตัวเธอตาบอดข้างหนึ่ง ต้องอยู่บ้านตามลำพัง เพราะลูกสาวต้องไปทำงานที่กรุงเทพเป็นช่างเย็บผ้า เมื่อพ่อแม่กลายเป็นคนพิการก็ต้องไปๆมาๆระหว่างกรุงเทพกับกาฬสินธุ์ แต่เมื่อทราบข่าวว่าได้ทุนประกอบอาชีพตามมาตรา 35 ซึ่งมูลนิธิปัญพัฒน์ประสานงานให้ ก็ตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านกับพ่อแม่ “อยู่ที่กรุงเทพมีครอบครัว ทำงานรับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้า พอพ่อแม่ป่วยก็กังวลเป็นห่วง แต่เมื่อทราบว่าได้รับทุนก็ดีใจและตัดสินใจกลับมาอยู่กับพ่อแม่ที่กาฬสินธุ์”
ขณะที่นายพินโย รู้ธรรม ผอ.พรรคเปลี่ยนอนาคต กล่าวถึงนโยบายพรรคว่าจะผลักดันให้ อสม./อพม. ซึ่งมีกว่า 1 ล้านคน เข้าร่วมอบรมเป็นผู้ช่วยคนพิการให้ได้ 1 แสนคนเพื่อไปดูและช่วยเหลือคนพิการได้มากถึง 1 แสนคนต่อปี และยังมีครอบครัวคนพิการที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 5 แสนคนได้รับประโยชน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้จริงเพราะอสม.ใกล้ชิดชุมชนมากที่สุด แต่ที่ผ่านมายังขาดความรู้เรื่องการช่วยเหลือคนพิการและไม่รู้กฎหมาย ไม่รู้สิทธิคนพิการ ทำให้การช่วยเหลือทำได้ไม่เต็มที่ “เรามีตัวอย่างที่ทำได้จริงเพราะคนที่ช่วยเหลือคนพิการ 9 ครอบครัวให้ได้รับทุนประกอบอาชีพก็มาจาก อสม.ที่ได้รับความรู้จากมูลนิธิปัญพัฒน์เพื่อคนพิการ
หากสามารถขยายผลให้กว้างขึ้นในระดับประเทศก็จะเป็นประโยชน์กับครอบครัวคนพิการที่มีมากถึง 4.5 ล้านครอบครัว ต้องย้ำว่าในจำนวนนี้มีผู้ลงทะเบียนคนพิการเพียง 2.1 ล้านคนเท่านั้นที่เหลือยังเข้าไม่ถึงสิทธิ”นายพินโย กล่าว
สำหรับการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ทางพรรคหวังว่าจะได้รับเลือกเข้าไปผลักดันนโยบายเพื่อครอบครัวคนพิการ แต่ที่สำคัญที่สุดคือการเลือกตั้งครั้งนี้ทางพรรคได้มีเวทีเผยแพร่นโยบายช่วยครอบครัวคนพิการที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด หากพรรคใดที่ได้รับเลือกตั้งเป็นรัฐบาลนำนโยบายไปผลักดันต่อทางพรรคเปลี่ยนอนาคตก็ยินดี