23/11/2024

ชุมพร – ยิงดับ 2 ศพ เจ็บ1ราย ลูกจ้างตัดทุเรียนชักปืน 9 มม.ยิงอย่างโหดเหี้ยม!

ชุมพร – ยิงดับ 2 ศพ เจ็บ1ราย ลูกจ้างตัดทุเรียนชักปืน 9 มม.ยิงอย่างโหดเหี้ยม!

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=Kun-hlycYck[/embedyt]

 ลูกจ้างตัดทุเรียนชักปืน 9 มม.ยิงร่างพรุนอดีตนักแสดงโชว์คาวบอยวงอาเฉินดับพร้อมเพื่อนรวม 2 ศพ สาหัสอีก 1 กระสุนทะลุเบ้าตาบอดเป็นตายเท่ากัน หลังก่อเหตุคนร้ายซิ่งกระบะหนีถูกไม่รอดถูกรวบคาด่านตรวจในพื้นที่จ.เพชรบุรี พ่อแม่คนตายหวั่นคดีไม่ถึงที่สุดติดคุกไม่กี่ปีพ้นโทษ แต่ครอบครับผู้สูญเสียเสาหลักต้องดูแลลูกเล็กอีก 3 คน ร้องขอความเป็นธรรมให้ญาติคนยิงรับผิดชอบดูแลเยียวยา

เหตุการณ์สุดโหดเหี้ยมของหนุ่มรับจ้างตัดผลทุเรียนเกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.50 น.วันที่ 19 มิ.ย.66 พ.ต.ท.ชยณัฐ  คำภาพันธ์  สว.(สอบสวน) สภ.สวี จ.ชุมพร ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกยิงในพื้นที่หมู่ 8 ตำบลครน อ.สวี จ.ชุมพร ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปัญญา  ท้วมศรี ผกก.สภ.สวี  เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดชุมพร ร่วมกันเดินทางตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่ที่บริเวณลานดินหน้าบ้านเลขที่ 17/3 หมู่ 8 ตำบลครน อ.สวี จ.ชุมพร พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจและชาวบ้านอยู่บริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุเป็นจำนวนมาก  แต่ไม่พบผู้บาดเจ็บทราบว่าผู้ที่ถูกยิงจำนวน 3 รายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสวีแล้ว ประกอบด้วย 1.นายดำรงค์ศักดิ์  หรือไข่แดง หรือฟิวส์  เหวียดแป้น อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/2 หมู่ 4 ตำบลตะโก อ.ทุ่งตะโก  จ.ชุมพร   2.นายวีระศักดิ์ หรือนิว  รัตนประเสริฐ  อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/4 หมู่ 4 ตำบลตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร  3.นายจักรพงษ์  เพ็ชรแก้ว อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/3 หมู่ 10 ตำบลตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร

ส่วนคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายคือนาย อานนท์  หรือต้น แสงเริง  อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/4 หมู่ 6 ตำบลซึ้ง อ.ขลุง จ.จันทบุรี  หลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ  ทะเบียน ผข 1237 จันทบุรี หลบหนีไป และต่อมาทราบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลสวี 2 ราย คือนายดำรงค์ศักดิ์  และนายวีระศักดิ์  ส่วนนายจักรพงษ์  ถูกยิงเข้าลำคอทะลุเบ้าตาเป็นตายเท่ากันได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่งต่อโรงพยาบาลชุมพรฯ

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีรถยนต์กระบะบรรทุกผลทุเรียน จำนวน 3 คัน จอดอยู่หน้าบ้านที่เกิดเหตุบริเวณด้านหลังรถกระบะคนหนึ่งพบมีกองเลือดจำนวน 2 จุด และใกล้กันบริเวณม้านั่งใต้ต้นไม้หน้าบ้านมีอาวุธปืนสั้น กึ่งออโตเมติก ยี่ห้อ cz75 compact สีดำขนาด 9 ม.ม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองบรรจุกระสุน จำนวน 1 ซองวางอยู่  และบริเวณพื้นดินข้างที่ล้างรถ พบมีปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. ตกอยู่ จำนวน 7 ปลอก จึงได้รวบรวมทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาที่โรงพยาบาลสวี

ผลชันสูตรพลิกศพปรากฏว่านายดำรงค์ศักดิ์ฯ  ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวรปาก 1 แผล  หน้าอก 2 แผล กระสุนทะลุด้านหลังพบมีแผลบริเวณด้านหลังผู้ตายจำนวน 4 แผล  ท้ายทอย 1 แผล  ส่วนนายวีระศักดิ์ฯมีรอยกระสุนเข้าที่บริเวรเหนือราวนมด้านซ้าย จำนวน 1 แผล กระสุนฝังใน

ตำรวจสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายอานนท์ฯได้ร่วมกันทำการตัดทุเรียนและคัดผลทุเรียนกับกลุ่มนายดำรงค์ศักดิ์ฯผู้ตาย และพวกอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ  ต่อมาได้เกิดความไม่พึงพอใจกับกลุ่มผู้ตายโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด จึงใช้ปืนที่นำติดตัวมาด้วยนั้นยิงกลุ่มผู้ตายทั้ง 3 คน หลังก่อเหตุนายอานนท์ได้ขับรถยนต์กระบะส่วนตัวหลบหนีไป

จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่านายอานนท์ฯ ได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจริง โดยจากพฤติการณ์และพยานหลักฐานดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดอาญาฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร”  ข่าวรายงานว่าต่อมาในคืนเดียวกันด่านตรวจในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีสามารถสกัดและควบคุมตัวนายอานนท์ผู้ก่อเหตุได้จึงถูกควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สวีแล้ว

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.66 ญาติของนายดำรงค์ศักดิ์  ผู้ตาย ได้ร้องขอความเป็นต่อผู้สื่อข่าวในพื้นที่จังหวัดชุมพร เกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อการดำเนินคดีของผู้ก่อเหตุและการออกหนังสือรับรองการตาย

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 81/2 หมู่ 4 ตำบลตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ซึ่งเป็นที่ตั้งสวดอภิธรรมศพของนายดำรงศักดิ์หรือไข่แดง หรือฟิวคาวบอย เป็นบ้านปูนชั้นเดียวปลูกอยู่ใกล้โรงเรียนบ้านแหลมยางนา ริมถนนสายข้างวัดเทพนิมิต ห่างจากถนนสายเอเชีย 41 ประมาณ 5 กม.  พบนายบัญหาญ  เหวียดแป้น อายุ 55 ปี นางคอง  เหวียดแป้น อายุ 53 ปี พ่อแม่นายดำรงศักดิ์ฯผู้ตาย และน.ส.ชไมพร  คำพุด อายุ 32 ปี ภรรยา

นายบัญหาญ  พ่อผู้เสียชีวิต มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า หลังเกิดเหตุไม่มีญาติผู้ก่อเหตุยิงลูกชายเดินทางมาแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใดส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ติดต่อมาเพื่อสอบถามหรือแจ้งพูดคุยถึงคดีว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป  บอกเพียงว่ากำลังหาพยานหลักฐานอยู่ แล้วจะแจ้งให้ทราบ  แม้ว่าตำรวจจับคนร้ายได้แล้วก็ตาม ตนรู้สึกไม่สบายใจ เพราะทางครอบครัวของลูกชาย  ภรรยาต้องสูญเสียเสาหลัก มีลูกเล็กรวม 3 คน คนโตอายุ 6 ปี คนกลางอายุ 4 ปี และคนเล็กอายุ 2 ปี วอนให้ทางญาติผู้ต้องหามาดูแลเยียวยาบ้าง

ส่วนนายคะนอง  คงมี หรือแจ๊ค อายุ 38 ปี หัวหน้าคนงานตัดทุเรียน กล่าวว่า ตนรับงานมาจากบริษัทแผงทุเรียนอีกทอดน้องฟิวทำงานอยู่ด้วยกันเข้าปีที่ 3 วันเกิดเหตุมีคนงานทั้งหมด13 คนจนช่วงเย็นตัดทุเรียนเสร็จตลอดทั้งวันก็ไม่มีปัญหาหรือทะเลาะวิวาทกันเป็นปกติดี ขณะนั้นตนกำลังนั่งคิดบิลหันหลังให้กับกลุ่มคนงานทั้งหมด จนกระทั้งได้ยินเสียงปืนดังสนั่นหลายนัดจึงวิ่งเข้าไป เห็นนายจักรพงษ์ถูกยิง  ตนจึงจับและแย่งปืนจากคนยิงได้ซึ่งเป็นจังหวะช่วงชุลมุนพร้อมกับเห็นนายดำรงศักดิ์หรือฟิว(คนตาย)  นอนคว่ำหน้าพร้อมนำคนเจ็บทั้งหมดขึ้นรถไปโรงพยาบาลสวี

หัวหน้างานคนตายกล่าวอีกว่า ส่วนตัวตนไม่รู้จักคนก่อเหตุแต่มีนายตี๋ซึ่งรู้จักกันแนะนำมาให้อีกทอดเพื่อรับเข้ามาทำงานกับกลุ่มของตนเป็นครั้งที่สองเท่านั้น  ซึ่งตนไม่ทราบจริงๆว่ามีปัญหากันตอนไหนถึงได้ก่อเหตุขึ้น

ด้านน.ส.ชไมพร ภรรยา กล่าวด้วยน้ำตาว่า นายดำรงศักดิ์ อดีตเป็นนักแสดงโชว์แล่นควงไฟรูปแบบคาวบอยของคณะอาเฉิน รับงานแสดงโชว์ทั่วประเทศเป็นที่รู้จักกันและเคยออกแสดงโชว์รายการดังๆทางทีวีมาแล้วหลายช่อง หลังจากเจอวิกฤติการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จึงพาครอบครัวจาก จ.ชลบุรีมาพักอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่ทุ่งตะโก จ.ชุมพร และรับจ้างตัดผลทุเรียนหารายได้ดูแลครอบครัวและบุตรอีก 3 คน จนมาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น ก่อนหน้านี้ไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน  ตอนเช้ายังขี่รถจยย.ไปส่งที่บ้านหัวหน้างานวันเกิดเหตุประมาณ 6 โมงกว่าโทรหาแต่ไม่รับ

ส่วนนางคอง แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า หลังเกิดเหตุมา 2 คืนแล้วทำไมญาติของผู้ก่อเหตุไม่ติดต่อรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย อยากได้กำลังใจ พากันมาขอขมาศพก็ยังดี อย่าลืมว่ายิงคนตายทีเดียว  2 ศพ และบาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากันอีก 1 คน มันเป็นเรื่องใหญ่ คนตายเป็นเสาหลักของครอบครัวแล้วต่อไปครอบครัวผู้สูญเสียจะทำอย่างไร คนยิงติดคุกไม่กี่ปีก็ออกมาสู่โลกภายนอกได้แต่ครอบครัวคนตายละ จะเยียวยากันอย่างไร ทุกอย่างเงียบหมดชีวิตคนทั้งคน เหมือนหมดความหวัง ไม่นึกเลยว่าจะโดนกับตัวเองเคยเห็นแต่ในข่าวในทีวี รู้สึกท้อใจ ในส่วนของคดี ตั้งแต่ญาติรับศพที่รพ. “ตำรวจไม่เคยมาในงานเลย ไม่บอกเลยว่าคดีเป็นแบบไหนอะไรยังไง ไม่รู้ข่าวอะไรเลย”

นั่นเป็นสิ่งที่ครอบครัวผู้สูญเสียคาใจว่าการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุนั้นจะได้รับโทษสูงสุดหรือไม่ ประกอบกับการออกหนังสือรับรองการตายของโรงพยาบาลโดยญาติเผยว่า ในหนังสือระบุผลการตายว่า “หัวใจล้มเหลว หรือเลือดเยอะ ญาติแจ้งว่ายังมีข้อสงสัยและไม่สอดคล้องกับสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งทางญาติไปแจ้งตายไม่ได้เพราะมีสำนวนคดีของตำรวจตายเพราะถูกยิง  จึงแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อยืนยันอีกครั้งต่อมาได้แก้ไขแล้ว

นางคอง จึงถามกลับว่าการลงบันทึกอย่างนี้จะกระทบถึงผลของคดีไหม กลัวว่าคดีไม่ถึงไหนจะได้รับความเป็นธรรมไหม มันจะไม่ง่ายไปหรอ ลูกไม่ตายฟรีหรอชีวิตคนทั้งคน”

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังสภ.สวี เพื่อสอบถามคดีดังกล่าวปรากฏว่าไม่พบผกก.จึงได้โทรศัพท์สอบถาม ได้ความว่า คดีดังกล่าวจบแล้ว สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ขณะขับรถหลบหนีเข้าเขตพื้นที่จ.เพชรบุรีบริเวณด่านสามร้อยยอด  โดยนายอานนท์หรือต้น สารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุยิงทั้ง 3 คนจริง สาเหตุมาจากเกิดเขม่นกันในระหว่างทำงานการคัดตัดโยนทุเรียน และถูกฝ่ายกลุ่มคนตายขู่จะทำร้ายฝ่ายคนยิง  คนยิงจึงเข้าใจว่าถ้าเสร็จงานงานโดนแน่ จึงชิงลงมือก่อน ซึ่งไม่พอใจเรื่องแค่นี้เอง ล่าสุดได้นำตัวผู้ต้องหาฝากขังศาลเรียบร้อย ในส่วนของสำนวนยังสอบอีกนิดหน่อย พยานฝ่ายผู้เสียหายไม่แน่ใจว่าพนักงานสอบสวนสอบหรือยัง แต่ส่วนอื่นๆสอบหมดแล้ว” พ.ต.อ.ปัญญา  ท้วมศรี  ผกก.สภ.สวี กล่าว

ข่าวที่น่าติดตาม