23/11/2024

กาฬสินธุ์กกต.กาฬสินธุ์เปิดเวทีทบทวนภารกิจเครือข่ายการเลือกตั้ง ส.ส.

กกต.กาฬสินธุ์นำเครือข่าย และผู้ปฏิบัติหน้าที่ประชุมเชิงปฏิบัติการเปิดเวทีเพื่อทบทวนภารกิจในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา พร้อมถอดเป็นบทเรียนนำเป็นแนวทางในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน และนำไปใช้ในการแก้ไขปรับปรุง การดำเนินการเลือกตั้ง ในอนาคต


วันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ที่ห้องประชุมโรงแรมริมปาว อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ ทบทวนภารกิจเครือข่ายการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีนายสำเริง ม่วงสังข์ รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายธนภัทร ณ ระนอง ปลัด จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายสุรพงษ์ ทิพย์โอสถ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ จ.กาฬสินธุ์ และหัวหน้าส่วนราชการร่วมกิจกรรม พร้อมเครือข่ายช่วยเหลือปฏิบัติงานการเลือกตั้ง , คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง , ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง , วิทยากรการเลือกตั้ง , สื่อมวลชน , คณะกรรมการศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย , ผู้ประสานงานเครือข่ายในระดับอำเภอ , นายทะเบียนอำเภอ และภาคีเครือข่าย รวม 109 คน เข้าประชุม


นายสุรพงษ์ ทิพย์โอสถ ผู้อำนวยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้จัดให้มีการเลือกตั้ง โดยได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย ร่วมปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การประชุมครั้งนี้เป็นการทบทวน ภารกิจเครือข่ายการเลือกตั้ง ทบทวนการปฏิบัติหน้าที่ของ ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการเลือกตั้ง โดยนำประเด็นปัญหาอุปสรรค ในการดำเนินการเลือกตั้งมาถอดเป็นบทเรียน นำเป็นแนวทางในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน และนำไปใช้ในการแก้ไขปรับปรุง การดำเนินการเลือกตั้ง ในอนาคตต่อไป


ด้านนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.กาฬสินธุ์ เป็นไปอย่างเรียบร้อย ต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่และภาคีเครือข่ายทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ อดทน ทำให้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ไม่มีเรื่องร้องเรียน และมีประชาชนออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง รวม 557,877 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 70.78 ซึ่งนับเป็นสถิติมากกว่าการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา และมีบัตรเสียเพียงร้อยละ 3 ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ จึงขอให้ทุกท่าน ร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่อันเป็นมาตรฐานลักษณะนี้ต่อไป


อย่างไรก็ตามสำหรับประเด็นที่มีการแสดงความเห็นในที่ประชุม ส่วนใหญ่ชื่นชมการประชาสัมพันธ์ ที่กระตุ้นเตือนผู้ออกไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนอย่างได้ผลด้วยการรวมใจของสื่อที่ช่วยกันนำเสนออย่างต่อเนื่อง ส่วนข้อคิดเห็นที่อยากให้ กกต.แก้ไข คือเวลาการลงคะแนนที่นานเกินไป คือ เวลา 08.00-17.00 น. ทำให้ส่งผลต่อการนัยคะแนน อยากให้ลดเวลาเหลือเป็น 08.00-15.00 น.

 

ข่าวที่น่าติดตาม