25/11/2024

กาฬสินธุ์แทบขาดใจพ่อแม่แรงงานไทยจุดธูปหน้าภาพถ่ายขอทุกภาคส่วนช่วยนำศพลูกชายกลับบ้านเกิด

กาฬสินธุ์แทบขาดใจพ่อแม่แรงงานไทยจุดธูปหน้าภาพถ่ายขอทุกภาคส่วนช่วยนำศพลูกชายกลับบ้านเกิด

 

คนไทยไม่ทิ้งกัน ชาวกาฬสินธุ์ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง “วิรัช พิมพะนิตย์” ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 โผกอดให้กำลังใจครอบครัวแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบในประเทศอิสราเอล พร้อมมอบเงินช่วยเหลือ และช่วยเร่งประสานงานดำเนินการรับศพกลับบ้านเต็มที่ ขณะที่พ่อ-แม่จุดธูปต่อหน้าภาพถ่ายลูกชาย วอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำร่างมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพตามประเพณี และขอให้รัฐบาลช่วยเหลือค่าจัดการศพ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ที่พึงจะได้รับและภาระหนี้สินของลูกชายด้วย


วันที่ 14 ตุลาคม 2566 นายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย พร้อมคณะได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวพันธ์สะอาด ที่บ้านเลขที่ 127 หมู่ 3 บ้านหนองแวงใต้ 3 ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โดยนำกระเช้าสุขภาพ และเงินทำบุญมอบให้นายกระบวน และนางหนูพา พันธ์สะอาด พ่อแม่ของนายสมควร พันธ์สะอาด อายุ 39 ปี หนึ่งในแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากการถูกยิง ในเหตุการณ์สู้รบที่ประเทศอิสราเอล


โดยก้าวแรกที่เดินทางไปถึงนายวิรัช พิมพะนิตย์ ได้โผเข้าสวมกอดนายกระบวน และนางหนูพาแสดงความเห็นอกเห็นใจกับการสูญเสีย พร้อมนั่งพูดคุยให้กำลังใจ ครอบครัวผู้เสียชีวิต ทำให้บรรยากาศที่โศกเศร้า เงียบเหงา มีความอบอุ่นขึ้นมา ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเกิดและจะเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ โดยบริเวณหน้าบ้านยังคงมีเต็นท์ และเก้าอี้ ที่เตรียมจัดงานศพมาตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้นำชุมชน เพื่อนบ้านและญาติๆคอยแวะเวียนมาถามข่าวความคืบหน้า และให้กำลังใจกับนายกระบวน และนางหนูพา พันธ์สะอาดตลอดทั้งวัน


ทั้งนี้ ภายหลังจากพูดคุยให้กำลังใจและเงินช่วยเหลือ นายวิรัช พิมพะนิตย์ พร้อมด้วยนายกระบวน และนางหนูพา ยังได้จุดธูปต่อหน้าภาพถ่ายของนายสมควร บอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ดวงวิญญาณสู่สุคติ และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำศพเดินทางกลับมาบำเพ็ญกุศลบ้านเกิดในเร็ววันอีกด้วย ซึ่งระหว่างที่จุดธูปนางหนูพา ยังได้ร้องไห้ออกมา และพูดคุยกับภาพถ่ายลูกชายว่าพ่อกับแม่ และญาติรออยู่ให้รีบกลับมา พ่อกับแม่รอใจขาดแล้ว ซึ่งสร้างความหดหู่กับผู้ที่ในงานอย่างมาก


นายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สร้างความสูญเสียชีวิต เลือดเนื้อ ผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะแรงงานไทย ที่ไปทำแรงงาน โดยเอาหยาดเหยื่อเข้าแลกรายได้ มาจุนเจือครอบครัว ซึ่งต้องแบกรับหนี้สิน และค่าใช้จ่ายรายเดือนอีกมาก แต่กลับต้องมาเสียชีวิตโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่น่าจะเกิดขึ้น นำความโศกเศร้าเสียใจให้กับพ่อแม่ ลูกเมีย ญาติพี่น้องที่อยู่ข้างหลังเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ผ่านไปแล้วไม่อาจย้อนคืนมาได้ คนที่ยังอยู่ก็ต้องช่วยกันประคับประคอง ดูแล สารทุกข์สุกดิบ ให้กำลังใจกันสู้ต่อไป


นายวิรัช กล่าวอีกว่า เบื้องต้นนี้ก็ได้ฝากผู้นำชุมชน ช่วยกันดูแลครอบครัวผู้สูญเสียอย่างฉันท์พี่น้อง คนไทยไม่ทิ้งกัน ชาวกาฬสินธุ์ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และในส่วนระดับกลางและระดับเหนือขึ้นไป ทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและรัฐบาล ตนก็จะคอยประสานงานอย่างเต็มที่ ให้มีการดำเนินการช่วยเหลือ เยียวยาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในส่วนค่าจ้างแรงงานนั้น ควรที่จะมีมาตรการปรับให้สูงขึ้น เพื่อที่แรงงานไทยจะได้ทำงานในประเทศ ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน เพื่อเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ และเกิดเหตุการณ์สูญเสียเช่นนี้


ด้านนางหนูพา พันธ์สะอาด อายุ 63 ปี มารดานางสมควร กล่าวว่า ถึงวันนี้เข้าสู่วันที่ 7 แล้วที่ต้องสูญเสียลูกชายที่เป็นเสาหลักของ 2 ครอบครัวไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะลูกชายเป็นคนกตัญญู รักครอบครัว นอกจากจะทำงานส่งเสียบุตร-ภรรยาที่ จ.นครพนมแล้ว ยังต้องดูแลครอบครัวพ่อแม่ในบางครั้งอีกด้วย ทั้งนี้ ตนกับนายกระบวนสามียังอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ขอบคุณทุกกำลังใจ ทั้งส่วนราชการ ผู้นำชุมชน เพื่อนบ้าน ที่คอยแวะเวียนมาสอบถาม ให้กำลังใจตลอดวัน
นางหนูพากล่าวต่อว่า ตนกับสามียังรอคอยวันที่ทางรัฐบาลจะนำร่างลูกชายกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ทั้งนี้เบื้องต้นทราบจากเพื่อนลูกชายที่ทำงานด้วยกันในประเทศอิสราเอลว่า ศพของลูกชายน่าจะมาถึงวันที่ 18 ต.ค.นี้ แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่แน่นอน หรืออาจจะรอเป็นเดือน อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุร้ายวิญญาณลูกชายไม่ได้เข้าฝันตนกับสามีเลย ก็ได้แต่อธิษฐานว่าคงหมดเวรหมดกรรมและขึ้นสู่สวรรค์ไปแล้ว ทั้งนี้ เพื่ออยากจะทำพิธีไว้อาลัยครั้งสุดท้ายให้กับลูกชาย ตนและสามีก็เฝ้าแต่จุดธูปวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลให้ส่วนที่เกี่ยวข้อง นำร่างของลูกชายเดินทางกลับมาในเร็ววัน เพื่อที่พ่อแม่จะได้มั่นใจว่าลูกชายไปสู่สุคติแล้ว
นางหนูพากล่าวอีกว่า ทั้งนี้เมื่อสูญเสียลูกชายไป สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือในเรื่องของหนี้สิน ซึ่งน่าจะไม่น้อยกว่า 200,000 บาท เนื่องจากเพิ่งเดินทางไปทำงานไม่ได้ถึงปี ดังนั้นในกรณีหนี้สิน ทางครอบครัวก็อยากให้รัฐบาลเข้ามาให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งค่าจัดการศพ และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ด้วย เพราะทุกวันนี้จนใจ ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาชดใช้ เนื่องจากตนกับภรรยาก็อายุมากแล้ว ฐานะยากจน จึงอยากให้รัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยว เข้ามาช่วยเหลือตรงนี้ด้วย