22/11/2024

ชุมพร – วันกองทัพไทย  ครบรอบ 431 ปี  มณฑลทหารบกที่ 44  พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล

ชุมพร – วันกองทัพไทย  ครบรอบ 431 ปี  มณฑลทหารบกที่ 44  พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล

วันกองทัพไทย เป็นวันที่ระลึกในวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่า โดยถือเอาวันที่ 18 มกราคม ของทุกปีเป็นวันกองทัพไทยตามการคำนวณจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่ระบุว่า พระองค์กระทำยุทธหัตถี ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จ.ศ. 954 คำนวณได้ ตรงกับวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 1593 หรือ พ.ศ. 2135 แบบ พ.ศ. ราชการ หรือ พ.ศ. 2136 แบบ พ.ศ. มาตรฐานอุตสาหกรรม (พ.ศ. ISO)

วันที่ 18 มกราคม 2567 เวลา 16.00 น. พล.ต. สุรเทพ หนูแก้ว  ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 มาเป็นประธานในพิธี พร้อม คุณโสธนา หนูแก้ว  ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบกสาขา มทบ.44 นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร  ผู้พิพากษาศาลจังหวัดชุมพร  ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดชุมพร  เจ้าหน้าที่ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ พร้อม กำลังพล เจ้าหน้าที่พยาบาล ของ มณฑลทหารบกที่ 44 จังหวัดชุมพร เข้าร่วมกิจกรรม พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ณ บริเวณหน้าศาลาเขตอุดมศักดิ์ ตำบลวังใหม่ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร

ประวัติวันกองทัพไทย ในปี พุทธศักราช 2135 พระเจ้าบุเรงนองโปรดให้พระมหาอุปราชา นำกองทัพทหารสองแสนสี่หมื่นคน มาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในครั้งนี้ สมเด็จพระนเรศวร ทรงทราบว่าพม่าจะยกทัพใหญ่มาตี จึงทรงเตรียมไพร่พล มีกำลังหนึ่งแสนคนเดินทางออกจากบ้านป่าโมก ไปสุพรรณบุรี ข้ามน้ำตรงท่าท้าวอู่ทอง และตั้งค่ายหลวง บริเวณหนองสาหร่าย เช้าของวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง พุทธศักราช 2135 สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงเครื่องพิชัยยุทธ สมเด็จพระนเรศวรทรงช้าง นามว่า เจ้าพระยาไชยานุภาพ ส่วนพระสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงช้างนามว่า เจ้าพระยาปราบไตรจักร ช้างทรงของทั้งสองพระองค์นั้นเป็นช้างชนะงา คือ ช้างมีงาที่ได้รับการฝึกให้รู้จักการต่อสู้มาแล้ว หรือเคยผ่านสงครามชนช้าง ชนะช้างตัวอื่นมาแล้ว ซึ่งเป็นช้างที่กำลังตกมัน ในระหว่างการรบจึงวิ่งไล่ตามพม่า หลงเข้าไปในแดนพม่า มีเพียงทหารรักษาพระองค์ และจาตุรงค์บาทเท่านั้น ที่ติดตามไปทัน สมเด็จพระนเรศวรทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาทรงพระคชสารอยู่ในร่มไม้ กับเหล่าเท้าพระยา จึงทราบได้ว่าช้างทรง ของสองพระองค์หลงถลำเข้ามาถึงกลางกองทัพ และตกอยู่ในวงล้อมข้าศึกแล้ว แต่ด้วยพระปฏิภาณไหวพริบ ของสมเด็จพระนเรศวร ทรงเห็นว่าเป็นการเสียเปรียบข้าศึก จึงไสช้างเข้าไปใกล้ แล้วตรัสถามด้วยคุ้นเคยมาก่อนแต่วัยเยาว์ว่า “เจ้าพี่จะยืนช้างอยู่ในร่มไม้ทำไม ขอเชิญเสด็จมาทำยุทธหัตถีกัน ให้เป็นเกียรติยศเถิด กษัตริย์ภายหน้าที่จะชนช้างอย่างเราไม่มีอีกแล้ว” พระมหาอุปราชาได้ยินดังนั้น จึงไสช้างนามว่า พลายพัทธกอ เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพ เสียหลัก พระมหาอุปราชาทรงฟันสมเด็จพระนเรศวรด้วยพระแสงของ้าว แต่สมเด็จพระนเรศวรทรงเบี่ยงหลบทัน จึงฟันถูกพระมาลาหนังขาด จากนั้นเจ้าพระยาไชยานุภาพ ชนพลายพัทธกอ เสียหลัก สมเด็จพระนเรศวร ทรงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหาอุปราชาเข้าที่อังสะขวา สิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง

ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงฟันเจ้าเมืองจาปะรีเสียชีวิตเช่นกัน ทหารพม่าเห็นว่าแพ้แน่แล้ว จึงใช้ปืนระดมยิงใส่สมเด็จพระนเรศวรได้รับบาดเจ็บ ทันใดนั้น ทัพหลวงไทยตามมาช่วยทัน จึงรับทั้งสองพระองค์กลับพระนคร พม่าจึงยกทัพกลับกรุงหงสาวดีไป นับแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกมากล้ำกรายกรุงศรีอยุธยาอีกเลย พระแสงของ้าวที่สมเด็จพระนเรศวรทรงพระประหารพระมหาอุปราชาครั้งนั้น ได้นามต่อมาว่า “พระแสงแสนพลพ่าย” และพระมาลาที่ถูกฟันปรากฏนามว่า “พระมาลาเบี่ยง” นับเป็นเครื่องมงคลราชูปโภคมาจนบัดนี้ ส่วนช้างศึกที่ชนะก็ได้รับพระราชทานชื่อว่า “เจ้าพระยาปราบหงสาวดี”

โอวาทของพลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดีผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในโอกาสวันกองทัพไทย ประจำปี ๒๕๖๗

วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เพื่อนทหาร   ที่รักทุกท่านวันที่ ๑๘ มกราคม   เป็นวันสำคัญยิ่ง   วันหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ชาติไทย  เป็นวันที่   สมเด็จพระนเรศวรมหาราช  ทรงนำเหล่าทหารกล้า  ประกอบมหาวีรกรรม   อันกล้าหาญ  ในการปกป้องรักษา  เอกราชอธิปไตย  นับว่าเป็นเหตุการณ์   อันสำคัญยิ่ง   เป็นวันแห่งเกียรติยศ  และความภาคภูมิใจ  ของคนไทยทั้งชาติ   ที่ได้ระลึกถึง  เหล่าบรรพชนไทย  ที่ได้สละชีวิต   และเลือดเนื้อเป็นชาติพลี   เพื่อความอยู่รอด   และความมั่นคงปลอดภัย   ของบ้านเมือง   อย่างยั่งยืน   มาจนถึงปัจจุบัน   อันเป็นแบบอย่างที่เรา   เหล่าทหารทั้งหลาย   ควรจักยึดถือ   สืบทอดเจตนารมณ์ดังกล่าวนี้สืบไป ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา   กองทัพไทยมีหน้าที่   พิทักษ์  ปกป้องรักษา   ชาติ   ศาสนา   และพระมหากษัตริย์   ช่วยเหลือประชาชน  พัฒนาและแก้ไข   ปัญหาชองชาติ   เพื่อให้ประชาชน  อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขผมขอให้เพื่อนทหารทุกนาย   มีความภาคภูมิใจ  ในการปฏิบัติหน้าที่  ปฏิบัติงานด้วยความอดทน   เสียสละ  เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล  ในการพัฒนา  และแก้ไขปัญหาของชาติ  จนเป็นที่เชื่อมั่น   ศรัทธาของประชาชน   และขอให้เพื่อนทหารทุกท่าน ดำรงรักษาความดีนี้ไว้สืบไป

พล.ต. สุรเทพ หนูแก้ว  ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 กล่าวนำ  คำปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล   ข้าพเจ้า   พล.ต. สุรเทพ หนูแก้ว   ขอกระทำสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพเจ้า  จักยอมดาย  เพื่ออิสรภาพ   และความสงบแห่งประเทศชาติ ข้าพเจ้า  จักอยู่ในศีลธรรมของศาสนา ข้าพเจ้า   จักเทิดทูนและรักษาไว้   ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ /แห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ข้าพเจ้า   จักรักษาไว้   ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขข้าพเจ้า   จักเชื่อถือผู้บังคับบัญชา   และปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ทั้งจักปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา   ด้วยความยุติธรรม ข้าพเจ้า   จะไม่แพร่งพรายความลับ   ของทางราชการทหาร   เป็นอันขาด

ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร 0818923514

ข่าวที่น่าติดตาม