ชลบุรี-“บอย พัทยา”ขอความเป็นธรรม พงส.หลังพาพยาน 9 ปาก ให้ปากคำคดี“เป้รักผู้การ”ยืนยันไม่มีการเรียกเงิน 140 ล้าน
ชลบุรี-“บอย พัทยา”ขอความเป็นธรรม พงส.หลังพาพยาน 9 ปาก ให้ปากคำคดี“เป้รักผู้การ”ยืนยันไม่มีการเรียกเงิน 140 ล้าน
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ สำนักงานตำรวจภูธร 2 ต.ห้วยกะปิ อ.เมือง จ.ชลบุรี นายวีระ หรือ “บอย พัทยา”นาทรัพย์ อายุ 37 ปี 1 ใน ผู้ต้องหาในความผิดฐาน “สนับสนุน ให้ผู้อื่นกระทำความผิด” ในฐานะผู้ช่วยเคลียร์คดี ในคดีตำรวจรีดทรัพย์ผู้ต้องหาเวปพนันออนไลน์ จำนวน 140 ล้านบาท โดยนายวีระหรือ “บอย พัทยา” กล่าวว่า “ในวันนี้มีหมายเรียกพยานมา รวมทั้งตัวผม มาก็มีนายตำรวจบอกว่า นายบอย ให้มาปากคำวันอื่น รอสอบคำให้การพยานก่อน ผมก็ยินดี ทีนี้ก็เหลืออีก 10 คนที่มาเป็นพยานของนายนันทวัฒน์ ขันดี ที่ผมเคยบอกไปแล้ว คู่เขย น้องเขยคนนี้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเลยในคดีนี้ โดนกลั่นแกล้งออกหมายจับ โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย โดนใส่กุญแจมือ โดนเอาไปใส่ห้องขังหลายชั่วโมง ผมก็ได้อธิบายให้พนักงานสอบสวนชุดแรก แต่ก็ไม่มีใครรับฟังผมเลย จนกระทั่งพนักงานสอบสวนชุดใหม่ ผมก็ดีใจที่ได้รับความยุติธรรม รับคำร้องขอความเป็นธรรมและเรียกพยานทั้ง 10 คนมา ผมก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่วันนี้ก็มีน้องสาวกลับไปบอกว่า ได้มีตำรวจ 1 คน และอีก 1 คนไม่รู้ว่าเป็นใคร เอาภาพมาให้ดู พร้อมชี้นำให้น้องสาวผมต้องเป็นนายวีระ นาทรัพย์ คนนี้นะ ถ้าคุณไม่บอก คุณให้การเท็จคุณจะติดคุก” น.ส.สุพัฒตรา วงศ์ปรัชญา อายุ 29 ปี น้องสาว “บอย พัทยา”ที่เดินทางมาเป็นพยาน บอกว่า “ตำรวจก็เอารูปถ่ายมาให้ดู 2 ใบ ให้ยืนยันว่าเป็นใคร รู้จักไหม เราก็ยืนยันว่าไม่รู้จัก ก็ได้เซ็นไปว่า ไม่รู้จักทั้ง 2 ภาพ แต่ก็มีตำรวจอีก 1 ท่าน เอารูปไปถ่ายใหม่โดยพับตรงที่ไม่มีลายเซ็นของตนเอง ให้ยืนยันว่าเป็นญาติทางไหน เป็นใคร เราก็ต้องเซ็นเพราะถ้าไม่เซ็นก็ไม่จบ ทั้งที่รูปมีหลายคนในภาพ เขาก็วงกลมสีแดงมา 1 วง เราก็ยืนยันว่าไม่ใช่เซ็นไปแล้วว่าข้าพเจ้าไม่รู้จักบุคคลในภาพนี้ทั้ง 2 แผ่น โดยที่ 1 แผ่นเขาวางทิ้งไว้ อีก 1 แผ่นเขามาเอาไปแล้วพับครึ่งให้ลายมือหายไป แล้วให้เซนใหม่ให้ตรงกับในใบสืบพยาน ว่าเรายอมรับว่าเรารู้จักกับบุคคลในภาพ 1 ใบ ซึ่งตรงนี้เราเองก็อยากจะให้การใหม่กับพนักงานสอบสวน
“เสี่ยบอย”กล่าวอีกว่า “เรามาวันนี้เรามาในฐานะพยานของนายนันทวัฒน์ ขันดี ไม่เกี่ยวกับผม นายวีระ นาทรัพย์ เอาอันนี้มาชี้นำแล้วก็บอกว่านายคนนี้เป็นนายวีระ นาทรัพย์ อย่างนี้ไม่ถูกต้อง พยายามเอารูปมาให้พยานบอกว่า คนนี้คือตัวผม นายวีระ นาทรัพย์
ผู้สื่อข่าวได้ถามเรื่องคดีเงิน 140 ล้าน อยากจะมีอะไรชี้แจงในข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างไร “บอย พัทยา”กล่าวว่า “ในเรื่องคดี 140 ล้านที่มีผม ในสำนวนก็ไม่ได้เอาสำนวนอะไรออกมา แต่จะเล่าคร่าว ๆ ให้เรื่องเหตุการณ์ 140 ล้าน คือมีนายต้น ซึ่งผมก็รู้จักในวันนั้น มาขอความช่วยเหลือให้ช่วยประกันตัวในจุดแค่นี้ มีการว่าจ้างให้ช่วยประกันตัว แค่นี้ ในการที่พนักงานสอบสวนชุดแรกชี้นำผมพูดหลาย ๆ เรื่องไม่ให้มาออกข่าว ไม่ให้มาออกสื่อ ผมก็โดนบังคับมานาน จนมาถึงน้องเขยผม ๆ ก็บอกว่ามีความเป็นมา
พนักงานสอบสวนชุดแรกก็บอกว่ากูจะเข้ามาค้นบ้านมึงอีกนะถ้ามึงออกข่าว จนกระทั่งเขามาแกล้งนายนันทวัฒน์ ขันดี ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย อันนี้เป็นของพนักงานสอบสวนชุดแรกนะครับ พนักงานสอบสวนชุดใหม่เราก็ขอความเป็นธรรมไปแล้ว ชุดใหม่ก็ให้ความเป็นธรรมกับเรา “บอย พัทยา” กล่าวอีกว่า “เรารู้เกี่ยวกับใครกระทำความผิดเกี่ยวกับเวปพนัน เราก็ชี้ไว้ว่าไอ้นี่มันเกี่ยวข้อง ตำรวจจะทำการสืบสวนอย่างไรเราไม่รู้ด้วย แต่เราไปชี้บ้าน เราไปชี้ตามนั้นทุกอย่าง แต่ก็มันก็ไม่มีโยงจุดนั้นจุดนี้ เงินที่มีการว่าจ้างมันก็มีอยู่ 28 ล้านแค่นั้น เราก็คิดว่าเงินที่ว่าจ้างในการประกันตัว พอประกันตัวเสร็จแล้วก็เป็นเงินของเราๆ ก็ไปจ่ายค่าพระที่ผมค้างไว้ก็เป็นเรื่องปรกติ แต่ก็มีการแจ้งความดำเนินคดีว่ามีจุดนั้น 140 ล้าน ตอนที่ผมไปสิงค์โปรก็ไปทำธุระ มีคนโทรมาว่าเงิน 140 ล้าน จุดนั้นจุดนี้ว่าเคลียร์เงิน 140 ล้านเรื่องจะได้จบไป” ผู้สื่อข่าวถามว่า เงิน 140 ล้านมีจริงหรือไม่ “บอย พัทยา” กล่าวว่า “ไม่มีจริง ก็มีอยู่ 28 ล้าน ลบไป 1.5 แสน มีแค่นั้นจริง ๆ” ผู้สื่อข่าวถามว่า “แล้วตัวผู้การชลบุรี ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร” “บอย พัทยา”กล่าวว่า “ตัวผู้การผมได้ดูจากข่าวว่า เป้รักผู้การเท่าไร ผมก็ไม่ทราบ ผู้การและชุดตำรวจก็ไม่มีใครไปเรียกรับไม่มี ผมก็ไม่เคยเห็นเขาเรียกรับ ยิ่งตัวผู้การ เรื่องเป้ เรียกรับอะไรที่ผมเห็นออกข่าว ก็บอกเขาไม่ได้พูด ในส่วนตัวผมที่บอกว่า “เนียนกริ๊บ”ผมก็ไม่ได้พูด และดูในสำนวนว่าใครเป็นคนพูดว่า “เนียนกริ๊บ” ผมก็อยากจะฟ้องดำเนินคดี ผมยืนยันว่าผมไม่ได้เป็นคนพูด ส่วนเงิน 140 ล้านที่มีการเรียกกันยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริงแน่นอน เงินมีอยู่ 28 ล้าน พนักงานสอบสวนสอบถามผมก็บอกตามนี้ ว่าไม่มีเงิน 140 ล้าน เพราะความจริงมันก็คือความจริง เราต้องเล่าความจริงทุกอย่าง ที่บอกว่าเคลียร์ 140 ล้านจะได้จบ ผมจะไปเอาที่ไหนมาเคลียร์ คุณจ้างผมอยู่แค่นี้ หลักฐานก็มีด้วยว่าผมจ่ายเงินค่าพระที่ค้างอยู่ เราก็คิดว่าทำงานเสร็จเงินก็เป็นเงินเรา ๆ ก็ไปจ่ายค่าพระ”