“พิชัย” เปิดเวทีชวนนักธุรกิจ นักลงทุนสหราชอาณาจักร ดึงเข้าอีอีซี แลนด์บริดจ์ พร้อมเจรจาปักหมุดให้ไทยอยู่ในโฟกัสชาวโลก
“พิชัย” เปิดเวทีชวนนักธุรกิจ นักลงทุนสหราชอาณาจักร ดึงเข้าอีอีซี แลนด์บริดจ์ พร้อมเจรจาปักหมุดให้ไทยอยู่ในโฟกัสชาวโลก
เมื่อวันที่ 19 กันยายน เวลา 15:00 น ตามเวลาท้องถิ่น นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวปาฐกถาเปิดงานสัมมนา “ยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหราชอาณาจักรสู่ระดับใหม่” ซึ่งจัดโดยสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน โดยได้กล่าวยินดีที่จะได้สานต่อความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร ซึ่งในปีหน้าจะครบรอบ 170 ปีแห่งความร่วมมือระหว่างสองประเทศในทุกมิติโดยเฉพาะการค้าการลงทุน
สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทยมาโดยตลอด ในปี 2566 การค้าทวิภาคีไทย-สหราชอาณาจักร มีมูลค่าถึง 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา การเติบโตนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่สะท้อนถึงความร่วมมืออย่างลึกซึ้งระหว่างกัน
นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “รัฐบาลไทยมุ่งส่งเสริมความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้า (JETCO) ซึ่งจัดตั้งขึ้นหลัง Brexit ถือเป็นเวทีอย่างเป็นทางการสำหรับการเจรจาทางเศรษฐกิจระดับสูงระหว่างสองประเทศ โดยผ่านทาง JETCO ไทยประสบความสำเร็จในการพัฒนาโรดแมพหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย-สหราชอาณาจักร ซึ่งให้กรอบการทำงานที่ชัดเจนสำหรับการขยายความร่วมมือในหลากหลายภาคส่วน และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการกระชับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์และเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน”
หลังจากที่ไทย-สหราชอาณาจักร ได้บรรลุอีกหนึ่งก้าวสำคัญด้วยการลงนามในความเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่เพิ่มพูน (Enhanced Trade Partnership – ETP) ETP จะช่วยปลดล็อกศักยภาพของความสัมพันธ์ทางการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศ ครอบคลุมกว่า 20 ภาคส่วนสำคัญ รวมถึงการค้าดิจิทัล การเกษตร ความยั่งยืน และเทคโนโลยี แผนงานที่แนบมากับ ETP ระบุถึงกิจกรรมร่วมที่ทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการในภาคส่วนเหล่านี้ตลอดสองปีข้างหน้า ซึ่งจะยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับความร่วมมือของเรา
รัฐบาลไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการค้า การลงทุน และการทูตเชิงรุกอย่างเต็มที่ เป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสให้ธุรกิจและให้ไทยเป็นที่ประจักษ์ในระดับโลก และศักยภาพของ FTA ไทย-สหราชอาณาจักรจะไม่เพียงแต่เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจแต่ยังจะเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจในทั้งสองประเทศ ขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาวสำหรับทั้งสองเศรษฐกิจ ปัจจุบันไทยได้ลงนามใน FTA แล้ว 15 ฉบับกับ 19 ประเทศ รวมถึงสมาชิกอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย และกำลังเจรจาข้อตกลงกับพันธมิตรอย่างสหภาพยุโรป EFTA และเกาหลีใต้
นอกเหนือจากความพยายามของรัฐบาล ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในความเป็นหุ้นส่วนไทย-สหราชอาณาจักร สภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร (TUBLC) สภาธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร (TUBC) หอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างธุรกิจกับธุรกิจที่แข็งแกร่ง องค์กรเหล่านี้เป็นเวทีให้ธุรกิจได้มีส่วนร่วม ร่วมมือ และสร้างนวัตกรรม ทำให้มั่นใจได้ว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจยังคงมีพลวัตและมองไปข้างหน้า บทบาทของภาคธุรกิจทั้งในไทยและสหราชอาณาจักรจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ วิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย มุ่งที่จะให้ไทยเป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านการท่องเที่ยว บริการทางการแพทย์ การเกษตร และนวัตกรรม และด้วยสหราชอาณาจักรเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการเติบโตอย่างยั่งยืน จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ปลดล็อกช่องทางใหม่ๆ ผ่านการเจรจาและความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อผลประโยชน์ที่จับต้องได้สู่ภาคธุรกิจและประชาชนของสองประเทศ