กาฬสินธุ์อากาศเริ่มหนาวลมแรง “ว่าว” ขายดีกำไรวันละ 1,000 บาท
บรรยากาศการจำหน่าย “ว่าว” ของเล่นประจำฤดูหนาวที่จังหวัดกาฬสินธุ์ขายดี พ่อค้าขายว่าวระบุ เริ่มต้นสัปดาห์นี้อากาศเริ่มเย็นตัวลงและมีลมหนาวพัดแรง ส่งผลให้การจำหน่ายว่าวเริ่มคึกคัก ขายได้วันละประมาณ 15-20 ตัว รายได้เฉลี่ยวันละ 1,000 บาท ถือเป็นโอกาสทองทำเงิน แม้ภาพรวมจะลดลงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้ฤดูหนาวมาช้ากว่าปี 2566 ซึ่งขายว่าวได้วันละ 100 ตัว รายได้วันละ 3,000 บาท
วันที่ 2 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามสภาพอากาศที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยกรมอุตุนิยมวิทยากาฬสินธุ์เปิดเผยว่าอุณหภูมิเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง และเริ่มมีลมแรงเป็นบางขณะ ทั้งนี้ ได้ส่งผลดีให้พ่อค้า แม่ค้า “ขายว่าว” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ของเล่น” ประจำฤดูหนาว สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งตั้งเพิงขายตามริมถนนทั่วไป เริ่มขายดีกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงเท่าตัว
นายถวิล เจริญราช อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 55 บ้านหนองแคน หมู่ 1 ต.หนองแคน อ.ปทุมรัตน์ จ.ร้อยเอ็ด พ่อค้าขายว่าว กล่าวว่า ช่วงเดือน พ.ย.-ก.พ.ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวของทุกปี และจะมีลมหนาว หรือชาวบ้านเรียกว่า “ลมว่าว” พัดผ่านตลอดวันตลอดคืน ตนจะมาปักหลักตั้งเพิงขายว่าว ใกล้ 3 แยกไฟแดงบ้านฮองฮี หรือริมถนนสายยางตลาด-เชียงยืน-ขอนแก่น เป็นประจำทุกปี โดยว่าวที่นำมาจำหน่ายจะเป็นว่าวโรงงาน ทำจากผ้าร่มและใยสังเคราะห์ หลากรูปแบบ หลายสีสัน หลายราคา มีให้เลือกซื้อตามใจชอบ
เช่น ว่าวจุฬา ว่าวแบ็ทแมน ว่าวผีเสื้อ ว่าวจรวด ว่าวเครื่องบินไอพ่น ว่าวนกอินทรีย์ ราคาเริ่มตั้งแต่ 20-1,000 บาท ตามขนาด ปีที่ผ่านมาขายดีมาก เนื่องจากฤดูหนาวมาเร็วและมีลมแรงพัดผ่านตลอด จึงเอื้อต่อการวิ่งว่าวของเด็กและผู้ใหญ่ เพื่อความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ทำให้ยอดขายว่าวสูงเฉลี่ยวันละ 100 ตัว รายได้วันละ 3,000 บาท หักต้นทุนออกยังเหลือวันละ 2,000 บาท
นายถวิลกล่าวอีกว่า สำหรับปีนี้ฤดูหนาวมาช้ากว่าปีที่แล้ว และไม่ค่อยมีลมแรงพัดผ่าน ก็เพิ่งจะเริ่มหนาววัน 2 วันนี้เอง จึงเพิ่งจะขายว่าวได้บ้าง ประมาณวันละ 10-15 ตัว หักต้นทุนแล้วก็พอจะมีกำไรวันละ 1,000 บาท ซึ่งก็พออยู่ได้ เพราะไม่ต้องซีเรียสเรื่องต้นทุน เนื่องจากว่าวที่รับมาเป็นของแห้ง ไม่เน่าเสียหรือสึกกร่อนเสียหาย และเป็นการขายแบบเอาทุนจากโรงงานมาค้ากำไร หากจำหน่ายไม่หมดก็ส่งคืนโรงงาน ซึ่งทางโรงงานมีวิธีการจัดเก็บที่ปลอดภัย ถึงฤดูหนาวปีถัดไปก็สามารถนำออกมาจำหน่ายได้อีก
“ทั้งนี้ ว่าวที่นำมาขาย ซึ่งเป็นว่าวโรงงาน ผ่านการออกแบบและตัดเย็บ ให้มีความคงทนต่อลมแรง ละอองหมอก และแสงแดด ไม่ผุกร่อนเสียหายง่ายเหมือนว่าวกระดาษแก้ว หรือว่าวที่ประดิษฐ์ขึ้นเองเหมือนสมัยก่อน ว่าวโรงงานจึงค่อนข้างมีราคาแพงแต่ก็คุ้ม สมราคา หากปีนี้เล่นว่าวโต้ลมหนาวเบื่อ หรือหมดฤดูหนาวก็นำไปเก็บไว้ ถึงฤดูหนาวปีต่อไปก็นำมาว่าวตัวเดิมมาเล่นอีก ถือว่าลุงทุนครั้งเดียวเล่นได้ทุกปี” นายถวิลกล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตาม นอกจากเด็ก ผู้ใหญ่ จะนิยมเล่นว่าวโต้ลมหนาวหรือลมว่าวดังกล่าวแล้ว ว่าวเหล่านี้ โดยเฉพาะว่าวนกอินทรีย์ นอกจากจะดูเพลิดเพลินขณะว่าวล้อลมบนท้องฟ้า ยังให้ประโยชน์อีกด้านคือ นำว่าวนกอินทรีย์ไปผูกไว้กลางแปลงนาข้าว ที่เพิ่งหว่านเมล็ดพันธุ์และที่กำลังออกรวง เพื่อให้ว่าวนกอินทรีย์ลอยโฉบไปโฉบมา แทน “หุ่นไล่กา-ไล่นก” ป้องกันนกชนิดต่างๆ ลงจิกกินเมล็ดข้าว ดังนั้น นอกจากลูกค้าทั่วไปจะนิยมซื้อว่าวไปเล่นโต้ลมหนาวแล้ว ส่วนหนึ่งยังซื้อไปเป็นว่าวไล่นก ในแปลงข้าวนาปรังที่กำลังเพาะปลูกในหน้าแล้งนี้อีกด้วย จึงทำให้ยอดขายว่าวดีขึ้นตามลำดับ ถือเป็นโอกาสทองทำเงินของพ่อค้าขายว่าวในช่วงนี้