20/01/2025

สมุทรสงคราม-ชายสูงอายุพิการป่วยทางสมองเรียกร้องขอความเป็นธรรมเงินสวัสดิการต่างๆที่ได้รับญาติแอบอ้างรับ เงินผู้สูงอายุ ผู้พิการ และเงิน 10.000 ไปหมด

Screenshot

Screenshot

สมุทรสงคราม-ชายสูงอายุพิการป่วยทางสมองเรียกร้องขอความเป็นธรรมเงินสวัสดิการต่างๆที่ได้รับญาติแอบอ้างรับ เงินผู้สูงอายุ ผู้พิการ และเงิน 10.000 ไปหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพงเพชร์ หนูเขียว อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 8 ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เป็นผู้ป่วยทางสมอง ร้องสื่อ ตั้งแต่อายุ 6 ปี อาศัยอยู่กับมารดา(เสียชีวิตไปประมาณ 1 ปี) น้องสาวและหลานสาวซึ่งเป็นพยาบาล ได้เข้าร้องทุกข์ต่อสื่อว่า ถูกญาติสนิทซึ่งอยู่คนละบ้าน ได้ไปอ้างสิทธิว่าเป็นผู้ดูแลตนต่อหน่วยงานในจังหวัด พร้อมทั้งเก็บบัตรประชาชน บัตรผู้พิการ รวมไปถึงเงินสวัสดิการรัฐ เงินผู้สูงอายุ ผู้พิการ และเงิน 10.000 ไปด้วย โดยไม่เคยนำเงินเหล่านั้นมาให้มารดาและตน จนเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา มารดาตนได้เสียชีวิตลง ญาติสนิทคนนั้น ได้ขับไล่ พี่ชาย,น้องสาวและหลานสาว ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกับตนออกจากบ้าน

โดยกล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งในความเป็นจริงที่ดินและบ้านเป็นของตนที่ได้รับมรดกตามพินัยกรรมมาจากย่า และญาติสนิทคนนั้นจะซื้อข้าวมันไก่และเงินยี่สิบบาทมาให้ ทุกเช้า และจะพา ไปพบหมอตามเวลาที่หมอนัด แต่หากตนเจ็บป่วยหรือต้องไปหาหมอนอกเหนือจากเวลานัดแล้ว พี่สาว,น้องสาวและหลานสาวซึ่งเป็นผู้ดูแลจริงมาตลอด ไปขอบัตรประชาชนหรือบัตรผู้พิการเพื่อนำตนไปโรงพยาบาล จะไม่เคยได้บัตรมา โดยจะถูกอ้างว่า หาบัตรไม่เจอบ้าง บัตรหายบ้าง จนเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ผู้พิการ ได้ถูกสุนัขกัดที่มือ หลานสาวได้ไปขอบัตรของตนจากญาติสนิทคนนั้น แต่ได้รับคำตอบจากคนในบ้านของญาติคนนั้นว่า “ไม่มี หาไม่เจอ หาย” เหมือนกับทุกครั้ง จึงไปหาหมอ และขอให้หลานพาไปแจ้งความเพื่อทำบัตรประชาชนและบัตรผู้พิการใหม่ โดยที่คนในบ้านไม่มีใครทราบเลยว่าบัตรผู้พิการต้องมีชื่อผู้ดูแลด้วย ต่อมาตนและคนในบ้านได้ไหว้วานให้หลานสะใภ้ไปติดต่อหน่วยงานเพื่อขอทำบัตรผู้พิการใหม่ ซึ่งทางหน่วยงานได้สอบถามกลับมาว่าจะเปลี่ยนผู้ดูแลด้วยหรือไม่ เพราะผู้ดูแลที่มีชื่อในบัตรคือญาติสนิทคนนั้นซึ่งไม่ใช่เป็นผู้ดูแลจริง จึงมีการพูดคุยกันในครอบครัวและพี่ๆน้องว่า ขอให้เปลี่ยนผู้ดูแลเป็นหลานสาวที่อยู่บ้านเดียวกันและเป็นพยาบาล ซึ่งทางหน่วยงานก็ได้ให้ผู้ใหญ่บ้านลงมาตรวจสอบและรับรองจนสามารถออกบัตรผู้พิการแทนบัตรเดิมและมีผู้ดูแลเป็นหลานสาวของตน แต่ต่อมาญาติผู้นั้นได้ไปโวยวายที่หน่วยงานว่าตนเป็นผู้ดูแลตามบัตร ไม่ได้มีความยินยอมให้เปลี่ยนผู้ดูแลและบัตรไม่ได้หาย ทางเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน ได้ลงมาตรวจสอบพูดคุยกับผู้พิการและคนในบ้าน ซึ่งในครั้งแรกผู้พิการก็ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าจะให้น้องสาวและหลานเป็นผู้ดูแล เพราะอยู่บ้านเดียวกัน และหุงข้าว หายาให้กิน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขอพูดคุยกับผู้พิการอีกครั้งโดยไม่มีญาติพี่น้อง

ซึ่งเมื่อทางบ้านสอบถามผู้พิการๆก็ตอบว่า ตนบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าให้น้องสาวกับหลานสาวเป็นคนดูแลโดยให้เหตุผลเช่นเดิม แต่ปรากฎว่าทางหน่วยงานที่ลงมาตรวจสอบกลับคืนสิทธิให้กับญาติสนิทผู้นั้น โดยอ้างว่า ผู้พิการต้องการ ต่อมาญาติสนิทคนนั้นได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับหลานสาวว่าแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกหลานไปรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งในวันนั้นผู้พิการก็ได้ไปด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พูดคุยกับผู้พิการและสอบถามว่าอยากให้ใครเป็นผู้ดูแล ผู้พิการก็ตอบเช่นเดิมว่า ให้หลานสาวและแม่ของหลานเป็นผู้ดูแล จึงอยากให้ พ.ม สำนักงานจังหวัดสมุทรสงคราม ลงมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงความเป็นธรรมให้ผู้สูงอายุและพิการให้กับคนใกล้ชิดได้ดูแลและบัตรสวัสดิการต่างๆคืนมาให้กับผู้พิการเพราะผู้สูงอายุและผู้พิการเพราะมาจังหวัดเป็นผู้ดูแลน่าจะตัดสินใจได้