สำรวจเขากระทิงหลังไฟลามขึ้นยอดเขา พบถังน้ำและท่อน้ำเป็นเชื้อไฟอย่างดี ยังพบการปักหลักหมุดแบ่งเขตจับจองที่ดิน
สำรวจเขากระทิงหลังไฟลามขึ้นยอดเขา พบถังน้ำและท่อน้ำเป็นเชื้อไฟอย่างดี ยังพบการปักหลักหมุดแบ่งเขตจับจองที่ดิน
จากกรณี เมื่อเวลา 19.30 น.ของวันที่ 17 ม.ค.68 เกิดเหตุเพลิงไหม้ป่าบริเวณแนวเขากระทิง ม.6 ในพื้นที่เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยไฟได้ลุกลามเป็นวงกว้าง และยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง จนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ กองทัพเรือ ได้จัดเฮลิคอปเตอร์ขึ้นดับไฟและกำลังทางภาคพื้น เดินเท้าเข้าดับไฟ โดยใช้เวลา 3 วัน จนเพลิงสงบลง ในช่วงเย็นของ วันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุดเจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือ โดย กองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ที่เป็นหน่วยคนดูแลพื้นที่เขากระทิง ได้จัดเจ้าหน้าที่เดินเท้าขึ้นสำรวจรอบบริเวณแนวเขา ร่วมกับ ฝ่ายปกครองอำเภอสัตหีบ และ เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว โดยพบว่ามีการลักลอบนำท่อพลาสติกและท่อยาง มาต่อเป็นท่อทางยาวเพื่อส่งน้ำจากตีนเขา ขึ้นไปใส่ถังน้ำบนยอดเขา เพื่อใช้ประโยชน์ แต่ไฟได้ลุกไหม้ก่อนลุกลามไปตามท่อทางน้ำร่วมถึงถังเก็บน้ำ จนไหม้เสียหาย และยังกลายเป็นเชื้อไฟ ลุกลามไปทั่วเขาอีกด้วย และยังมีพบการนำเสาปูนทาหัวสีแดงมาปักหลัก เพื่อทำหมุดแบ่งเขตจับจองที่ดิน อีกด้วยถือว่าเป็นบุกรุกเขาอย่างชัดเจนไปทั่วบริเวณทั้งเขา
โดยทาง กองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ที่เป็นหน่วยคนดูแลพื้นที่ หลังจากลงพื้นที่สำรวจ จะได้เก็บหลักฐาน และเข้าดำเนินการแจ้งความ กับ สภ.สัตหีบ เพื่อติดตามสอบสวนหากลุ่มนายทุนและผู้บุกรุกมาดำเนินคดี ก่อนจะมีการจัดประชุมร่วมกับทาง อำเภอสัตหีบ จนท.ป่าไม้ ชลบุรี เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกันในการดำเนินการตรวจสอบ ป้องกัน และดำเนินคดีกับผู้บุกรุกเขา และทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ในคร้้งนี้ ตามขั้นตอนกฎหมายอย่างจริงจัง
สำหรับเขากระทิง เป็นเขา ตั้งอยู่ภายในเขต เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว ในพื้นที่ หมู่ที่ 6 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ติดกับถนน 332 แยกเจ-เกษมพล โดยมีหมู่บ้านประชาชน ล้อมรอบ โดยเป็นที่ดินทรงสงวน ในความรับผิดชอบดูแลของกองทัพเรือ
ก่อนล่าสุดมีกลุ่มนายทุนบุกรุกเขา และโดนจับดำเนินคดี ในความผิดฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วย ประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า และบุกรุกที่ทรงสงวน และยังมีข่าวในการหลอกขายที่ดิน ทั้งที่ไม่มีโฉนดกันอีกด้วย ทำให้มีผู้เสียหายไป มูลค่าหลายสิบล้านบาท และเป็นคดีกันอยู่ ในชั้นสอบสวน (อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนตามขบวนการยุติธรรม) แต่ก็ยงพบว่ามีการเข้ามาบุกรุกเขาอย่างต่อเนื่องโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใด สำหรับเพลิงไหม้ป่าที่ปะทุลุกลามไปทั่วเขานั้น เกิดจากฝีมือมนุษย์ นั้นเอง
