28/01/2025

พิจิตร-กมธ.สิ่งแวดล้อมวุฒิสภาเยือนเมืองชาละวันเผยหนุนรัฐบาลใช้ยาแรงผู้เผาป่าเผาฟางส่งผลเกิดPM2.5

3105428_0
พิจิตร-กมธ.สิ่งแวดล้อมวุฒิสภาเยือนเมืองชาละวันเผยหนุนรัฐบาลใช้ยาแรงผู้เผาป่าเผาฟางส่งผลเกิดPM2.5
https://youtu.be/v4CWYwgyP64
กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวุฒิสภาลงพื้นที่จังหวัดพิจิตรเร่งช่วยแก้ปัญหาพื้นที่3ตำบลอำเภอสากเหล็กที่ถูกชี้เขตเป็นแนวป่าสงวนแห่งชาติซ้อนทับที่ทำกิน เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา รวมถึงให้สัมภาษณ์เห็นด้วยกับรัฐบาลกับการที่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับเกษตรกรไร่อ้อย นาข้าวรวมถึงเกษตรกรผู้ที่ได้รับการผ่อนผันใช้ที่ดินทำกินในเขตป่าสงวน ในเขตอุทยาน หากทำผิดในเรื่องการเผาป่าเผาฟาง เผาไร่อ้อย ในที่โล่งแจ้ง ส่งผลเกิดPM2.5 ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและจะต้องถูกตัดสิทธิ์ในสิ่งที่รัฐบาลสนับสนุน
วันที่ 25 มกราคม 2568 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง และคณะ ได้ร่วมกันลงพื้นที่จังหวัดพิจิตรเพื่อตรวจราชการและศึกษาดูงานให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ การบริหารจัดการขยะ และการใช้ประโยชน์ในที่ดินในพื้นที่จังหวัดพิจิตร โดยมี นายธนิต ภูมิถาวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและร่วมให้ข้อมูลดังกล่าว ณ อาคารชุ่มน้ำบึงสีไฟ อ.เมือง จ.พิจิตร จากนั้นได้นั่งรถไฟฟ้าชมความงดงามของบึงสีไฟที่เป็นสวนสาธารณะและที่พักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดพิจิตรที่มีเส้นทางจักรยานระยะทาง 10.28 กม. รอบบึงสีไฟ รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของสนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข ซึ่งเป็นสนามจักรยาน BMX สนามจักรยานขาไถ (Balance Bike) สนามปั๊มแทร็ก (Pump Track)
 
จากนั้น นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา ได้ให้สัมภาษณ์ว่าภารกิจการลงพื้นที่ครั้งนี้มีเรื่องสำคัญที่ต้องเข้ามาช่วยเหลือประชาชน เรื่องแรกคือ มาดูการพัฒนาบึงสีไฟ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวแลนด์มาร์คของจังหวัดพิจิตร และเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำมีความสำคัญทางธรรมชาติและระบบนิเวศ เพื่อให้ สว.ที่เป็น กมธ.จากจังหวัดต่างๆเพื่อดูงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำไปพัฒนาในพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำหรือสวนสาธารณะ โดยใช้บึงสีไฟเป็นแบบอย่าง
 
เรื่องที่ 2 ด้วยความเดือดร้อนของชาวบ้าน 3 ตำบล ในพื้นที่ อ.สากเหล็ก ในเรื่องของการประกาศแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติไปซ้อนทับที่ทำกินของราษฎร กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวุฒิสภายืนยันว่าจะเดินหน้าแก้ปัญหาในเรื่องนี้ให้ได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง แต่มีทิศทางที่ชัดเจนว่าจะต้องเพิกถอนป่าสงวนในเขต 3 ตำบลของอำเภอสากเหล็ก ออกไป
 
      ส่วนเรื่องที่ 3  คือ เรื่อง PM2.5 ไฟป่าและหมอกควัน นอกจากนี้ก็ยังได้ให้สัมภาษณ์ว่าเห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องที่รัฐบาลกับการที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับเกษตรกรที่ทำไร่อ้อย นาข้าว รวมถึงเกษตรกรผู้ที่ได้รับการผ่อนผันใช้ที่ดินทำกินในเขตป่าสงวน ในเขตอุทยาน หากทำผิดในเรื่องการเผาป่าเผาฟาง เผาไร่อ้อย ในที่โล่งแจ้ง ส่งผลเกิดPM2.5 ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและจะต้องถูกตัดสิทธิ์ในสิ่งที่รัฐบาลสนับสนุน เพราะเรื่องดังกล่าวนี้ส่งผลและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนโดยรวม ดังนั้นจึงต้องมีมาตรการที่จริงจังและเด็ดขาด เพราะเป็นปัญหาระดับชาติที่ทุกฝ่ายควรจะต้องร่วมมือกันช่วยแก้ไขให้ผ่านพ้นวิกฤตดังกล่าวไปให้จงได้
สิทธิพจน์ เกบุ้ย/พิจิตร/

ข่าวที่น่าติดตาม