กาฬสินธุ์เปิดตัว “วิทวัส” ขุนพลหม่อนไหมแห่งเทือกเขาภูพาน
จังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดตัว “วิทวัส” ขุนพลหม่อนไหมแห่งเทือกเขาภูพาน นักทอผ้ารุ่นใหม่ที่น่าจับตา เผยเริ่มทอผ้าแพรวาตั้งแต่ 9 ขวบ จนสามารถประยุกต์ลวดลายสืบสานสารพัดสุดพิสดาร การันตีทำมือมีผืนเดียวในโลก
จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดบ้านศิลปินด้านผ้าไหมแพรวา ที่ผ่านการคัดสรรมาเป็น “ขุนพลแห่งผ้าไหมแพรวา” ราชินีแห่งไหม การันตีฝีมือและคุณภาพผ้าไหมแพรวา เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ผ้าไหมแพรวา ส่งเสริมบุคลากรทรงคุณค่า อนุรักษ์ สืบทอด ภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่สานต่อมรดกล้ำค่า ผลิตภัณฑ์ OTOP ผ้าไหมแพรวา
นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ มอบหมายนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดบ้าน “ศิลปิน” โอทอปกาฬสินธุ์ (OTOP artist rally praewa kalasin 2022) 3 แห่ง ที่ ต.โนนศิลา อ.สหัสขันธ์ 1 แห่ง ต.ดินจี่ อ.คำม่วง 1 แห่ง และ ต.โพน อ.คำม่วง 1 แห่ง โดยมีนายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยส่วนราชการ ภาคประชาชน นักท่องเที่ยว และสื่อมวลชนทุกแขนงร่วมงาน ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้บรรยากาศการเปิดบ้านศิลปิน เป็นไปด้วยความคึกคัก สีสันอยู่ที่การจัดนิทรรศการผ้าไหมแพรวา ลวดลาย สีสัน สวยงาม แต่ละผืนมูลค่า 5-6 หลัก โดยเฉพาะที่บ้านศิลปินแห่งแรก ที่บ้านม่วงคำ เลขที่ 90 หมู่ 2 ต.โนนศิลา อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านของนายวิทวัส โสภารักษ์ ทายาทหม่อนไหม ที่มีความสนใจงานทอผ้าแพรวามาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ โดยการเปิดบ้านศิลปินครั้งนี้ ได้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวา เริ่มจากขั้นตอนการย้อมสีที่ได้จากวัสดุธรรมชาติ ขั้นตอนการทอ และผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแพรวาหลายเฉดสี หลายลาย ซึ่งได้รับความสนใจจากทุกคนเป็นอย่างมาก
นายวิทวัสกล่าวว่า เริ่มทอผ้าไหมไหมแพรวามาตั้งอายุ 9 ขวบ ครูคนแรกคือแม่ ที่สอนการทอผ้าไหมแพรวา ขณะที่คนรุ่นราวคราวเดียวกันไม่ได้สนใจการทอผ้าไหมแพรวาเลย ทั้งที่เป็นงานหัตถศิลป์ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษในชุมชน จึงกลายเป็นแรงผลักดันและเกิดแรงบันดาลใจทำให้รู้สึกรักผ้าไหมแพรวามากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ได้ไปศึกษาทักษะฝีมือการทอผ้ากับชุมชนบ้านโพน อ.คำม่วง เพื่อดูกรรมวิธีการทอ การย้อม พร้อมกับศึกษาช่องทางการตลาดควบคู่กันไป โดยส่วนตัวจะทอผ้าไหมแพรวาแบบลายโบราณมากกว่าลายสมัยใหม่ ขณะที่การจำหน่ายผ้าไหมแพรวามีลูกค้าประจำที่ติดตามผลงานมาเลือกซื้ออยู่ตลอด ขณะที่การออกตลาดขายตามงานเทศกาลต่างๆ ยังพบว่าผ้าไหมแพรวาเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย จนได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งไหม อีกทั้งยังสามารถจำหน่ายได้ ราคาแม้ว่าบางผืนจะมีราคาถึง 6 หลักก็ยังขายได้ และยังเป็นที่นิยมของลูกค้าทั่วไป
ด้านนายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่ากิจกรรมเปิดบ้านศิลปินที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินในฐานะเป็นผู้อนุรักษ์และสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรม ส่งเสริม สนับสนุนให้เป็นแหล่งเรียนรู้และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเส้นทางบ้านศิลปิน OTOP ขุนพลผ้ากาฬสินธุ์ ต่อยอด ถ่ายทอด ภูมิปัญญาศิลปินสู่คนรุ่นใหม่ และผู้สนใจ อันเป็นการสร้างคุณค่า และมูลค่าของผลิตภัณฑ์ OTOP ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน
ทั้งนี้ ได้นำหัวหน้าส่วนราชการ บุคลากรภาคการศึกษา ภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชนลงพื้นที่เยี่ยมชมบ้านศิลปิน OTOP 3 ราย ประกอบด้วย การเรียนรู้ย้อมผ้าแต่งแพรวาโบราณ ที่บ้านศิลปิน OTOP ของนายวิทวัส โสภารักษ์ เลขที่ 90 หมู่ 2 ต.โนนศิลา อ.สหัสขันธ์ ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือ เป็นการอนุรักษ์ลายผ้าไหมแพรวาแบบโบราณดั้งเดิม ใช้เทคนิคการเก็บกอดแบบโบราณ รวมไปถึงการจก ขิด และ ยก นอกจากจะอนุรักษ์ลายแพรวาโบราณดั้งเดิมแล้ว ยังเป็นการปรับใช้ให้ดูทันสมัยด้วย
“ต่อมาเปิดบ้านศิลปินรายที่ 2 ที่ ต.ดินจี่ อ.คำม่วง ซึ่งมีเอกลักษณ์ เป็นเทคนิคการออกแบบลวดลายขึ้นมาใหม่ ให้มีความสวยงาม รวมไปถึงการวางลวดลายให้เหมาะสมกับผู้ที่สวมใส่ ให้มีสรีระที่ดูดี สวยงาม มีการประยุกต์การทอผ้าให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น จากนั้นเปิดบ้านศิลปินรายที่ 3 ที่ ต.โพน อ.คำม่วง ซึ่งมีการมีนำลายโบราณมาปรับสี ปรับลาย ให้ดูงดงามมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับการอนุรักษ์ลายโบราณดั้งเดิม สามารถต่อยอดการออกแบบลายแพรวาขึ้นใหม่หลายลาย” นายอุทัยกล่าว
ขณะที่นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การเปิดบ้าน “ศิลปิน” โอทอปกาฬสินธุ์ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นหลังจากผ่านกระบวนการคัดสรรผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ที่ถือได้ว่าเป็นสุดยอดฝีมือหรือขุนพลด้านผ้าไหมแพรวา ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งไหมของ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อส่งเสริมบุคลากรทรงคุณค่า อนุรักษ์ สืบทอด ภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่สานต่อมรดกล้ำค่า ผลิตภัณฑ์ OTOP ผ้าไหมแพรวา ทั้งนี้ความคาดหวังหลังเปิดบ้านศิลปินดังกล่าว จะเป็นเพิ่มศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ เป็นแหล่งจำหน่ายโดยตรงระหว่างผู้ผลิต ผู้ซื้อ และเป็นแหล่งเรียนรู้ผ้าไหมแพรวา ให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ตลอดจนอนุชนรุ่นหลังได้เข้ามาศึกษาต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดบ้านศิลปินด้านผ้าไหมแพรวาทั้ง 3 แห่งแล้ว ผู้ร่วมกิจกรรมโปรแกรมท่องเที่ยวฮักกาฬสินธุ์ โดยได้ร่วมพาแลง หรือรับประทานอาหารมื้อเย็น ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมผู้ไทไหมแพรวา โดยเป็นอาหารพื้นบ้านอีสาน ปลอดสารพิษ ชมการแสดงหมอลำพื้นบ้าน การจัดนิทรรศการผ้าไหมแพรวา ทั้งนี้ทุกกิจกรรม ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด