23/11/2024

กองทัพเรือ เร่งตรวจสอบคราบน้ำมัน กรณีเรือบรรทุกน้ำมัน 5 แสนลิตร อับปางกลางอ่าวไทย

กองทัพเรือ เร่งตรวจสอบคราบน้ำมัน กรณีเรือบรรทุกน้ำมัน 5 แสนลิตร อับปางกลางอ่าวไทย

 


วันนี้ (23 มกราคม 2565) เวลา 09.30น. พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา เวลา 19.15 น. ศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 1 ได้รับแจ้งว่า เรือบรรทุกน้ำมันดีเซล ชื่อ ป. อันดามัน 2 ซึ่งจอดทอดสมอและอับปางลง บริเวณ ระยะห่างจากปากน้ำชุมพรประมาณ 24 ไมล์ทะเล โดยภายในเรือ มีน้ำมันอยู่ประมาณ 5 แสนลิตร


ทั้งนี้ พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้สั่งการให้ เรือ ต.114 พร้อมอากาศยานจากกองการบินทหารเรือ ออกปฏิบัติการในการเข้าพื้นที่และวางทุ่นป้องกันอันตรายจากเรือ ที่ใช้เส้นทางคมนาคมในทะเล รวมถึงระมัดระวัง น้ำมันที่อาจจะรั่วไหลเพิ่มเติมออกมา ตลอดจนตรวจสอบว่าคราบน้ำมันทิศทางการไหลเคลื่อนที่และขยายตัว ไปในทิศทางที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ชายฝั่งหรือไม่ รวมถึงสั่งการให้ หน่วยต่างๆของกองทัพเรือ เตรียมความพร้อมในการสนับสนุนการขจัดคราบน้ำมัน พร้อมทั้งประสานกรมเจ้าท่าในการดำเนินการจำกัดพื้นที่ของน้ำมันที่รั่วไหล และพร้อมดำเนินการกู้เรือต่อไป (ตามระดับของ Teir ) และประสานงานกับศูนย์อำนวยการรักษาความมั่นคงทางทะเล จังหวัดชุมพร และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อแจ้งเตือนผลกระทบจากการรั่วไหลของน้ำมันดังกล่าว


โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่าจากการตรวจสอบในเบื้องต้น เรือ ป.อันดามัน 2 มีนายณรินทร์ เปรมปราโมทย์ เป็นนายเรือ มีลูกเรือจำนวน 5 นาย ซึ่งทั้งหมดปลอดภัย โดยได้รับการช่วยเหลือจากเรือวีนัส 21 ซึ่งเป็นเรือที่จ่ายน้ำมันให้กับเรือ ป.อันดามัน 2 ก่อนที่เรืออันดามัน 2 จะจมลง โดยในขณะนี้ ได้มีการประสานกับ บริษัท แหลมทองค้าน้ำมันประมงไทย จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของเรือ ให้รับทราบรวมถึงเตรียมสารขจัดคราบน้ำมันกรณีเกิดน้ำมันรั่วไหล พร้อมทุ่นกักเก็บคราบน้ำมัน (boom) บริเวณเรือจมรวมถึงทำการกู้เรือต่อไป


ทั้งนี้ จากการตรวจเบื้องต้น จากการลาดตระเวณของอากาศยาน พบคราบน้ำมันลอยเป็นแนวยาวประมาณ 10 กิโลเมตร กว้างประมาณ 100-200 เมตร เคลื่อนที่ขึ้นไปทางทิศเหนือ ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์ระดับความรุนแรงอยู่ในระดับที่ 1 (Teir l) ซึ่งหากพบว่าการรั่วไหลของน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นระดับที่ 2 (Teir ll) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ จะสั่งจัดตั้งศูนย์ควบคุมการขจัดคราบน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 ต่อไป
มีรายงานล่าสุดว่า จากการตรวจสอบคราบน้ำมันที่กระจายตัวพบว่า ลักษณะของน้ำมันเป็นฟิล์มน้ำมันบางๆ ชนิดของน้ำมันที่รั่วไหลสามารถสลายตัวเองได้ดีในธรรมชาติ แต่ยังต้องมีการติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบของคราบน้ำมันว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมบริเวณใกล้เคียงในลักษณะใดบ้าง เพื่อหาวิธีแก้ไขที่เหมาะสมต่อไป คือการกักและเก็บทำได้โดยใช้ทุ่นกักเก็บน้ำมัน (Boom) จำกัดขอบเขตการแพร่กระจายของน้ำมันขณะกู้เรือ เพื่อใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำมัน ซึ่งเป็นวิธีการใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำมันบนผิวน้ำได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งต้องทำภายใน 24 ชม. เมื่อเกิดเหตุจากชนิดของน้ำมันในครั้งนี้คือ ดีเซล ซึ่งจัดเป็นน้ำมันเบา โดยขณะนี้กองทัพเรือกำลังเชิญผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมตามแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วนต่อไป
โฆษกกองทัพเรือ ยืนยันว่า กองทัพเรือ มีความพร้อมทั้งยุทโธปกรณ์และกำลังพล ในการขจัดคราบน้ำมันในทะเล ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการฝึกซ้อมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่สำคัญของกองทัพเรือ เพื่อพิทักษ์รักษา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องทะเล ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งผลประโยชน์ของชาติที่สำคัญของประเทศ ให้คงไว้อย่างยั่งยืน โดยความคืบหน้าทางกองทัพเรือ จะรายงานให้ทราบในโอกาสต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645
#สำนักงานโฆษกกองทัพเรือ

ข่าวที่น่าติดตาม