กาฬสินธุ์ ชาวนาอ่วมเรื้อรังข้าวนาปรังราคาตกเปิดตลาดตันละ 6.3 พัน
วิบากกรรมชาวนากาฬสินธุ์ เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปรัง หวังขายได้ราคาสูงมีเงินใช้หนี้ ธกส.กลับต้องพบกับความผิดหวัง และประสบปัญหาขาดทุนซ้ำซาก เนื่องจากตลาดรับซื้อข้าวเปลือกตั้งราคาให้เพียงตันละ 6,300 บาท ขณะที่ผู้ประกอบการรถรับจ้างเกี่ยวข้าวเห็นใจเพื่อนชาวนา ที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนการผลิตที่สูงลิ่ว โดยคิดค่าจ้างเพียงไร่ละ 600 บาท สวนกระแสน้ำมันแพง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนชาวนา
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปรัง ของเกษตรชาว จ.กาฬสินธุ์ ในเขตใช้น้ำชลประทาน พบว่าเริ่มลงมือเก็บเกี่ยวกันแล้ว โดยมีความหวังว่าราคาขายข้าวเปลือกจะสูงเนื่องจากหลายพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ไม่ได้ทำนาปรัง และมีความหวังว่าจะนำเงินที่ได้จากการขายข้าวเปลือก ไปใช้หนี้ ธกส.และค่าปุ๋ยเคมี แต่พอเริ่มต้นฤดูกาลเก็บเกี่ยวเท่านั้น ความฝันก็พลันสลาย เนื่องจากตลาดรับซื้อให้ราคาต่ำเพียงตันละประมาณ 6,300-6,800 บาท หรือกก.ละ 6.30-6.80 บาทเท่านั้น
นายบัณฑิต ภูบุตรตะ อายุ 53 ปี ชาวนาบ้านตูม หมู่ 4 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ต้นทุนทำนาปรังยังสูง ทั้งนี้มีผลสืบเนื่องจากภาวะราคาน้ำมันแพง ส่งผลกระทบถึงค่ารถไถ ที่คิดราคาค่าจ้างไร่ละ 600 บาท ปุ๋ยเคมี 2 กระสอบ ราคากระสอบละ 1,300-1,500 บาท ค่ารถเกี่ยว 600 บาท ค่ารถขนส่ง 600 บาท บางรายชาวนาต้องเสียค่าน้ำมันสูบน้ำอีกด้วย ทำให้ต้นทุนสูงเฉลี่ยไร่ละ 4,000 บาท ขณะที่ผลผลิตข้าวเปลือกได้ประมาณไร่ละ 300 กก. ขาย กก.ละ 6.30-6.80 บาท ได้เงิน 1,800-2,000 บาท หักลบกลบหนี้แล้วขาดทุนยับเยิน ซึ่งถือเป็นปัญหาขาดทุนเรื้อรังและซ้ำซาก ที่ชาวนาประสบหลายปีติดต่อกัน ทำให้ชาวนาส่วนใหญ่ยังยากจน และต้องค้างชำระหนี้ ธกส.เพราะขายข้าวขาดทุน
ด้านนายทองพูล ลักษณะสาย อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นชาวนาและผู้ประกอบการรถรับจ้างรถเกี่ยวข้าว บ้านเหล่า หมู่ 5 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงลิตรละกว่า 30 บาท ส่งผลให้ราคาปุ๋ยเคมี ค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ปรับสูงขึ้นตามกลไก ทำให้ชาวนาหลายรายไม่กล้าลงทุนมาก เพราะเสี่ยงกับการขาดทุนแน่นอน เช่น ลดพื้นที่ทำนาปรัง และใช้ปุ๋ยเคมีน้อย จึงไม่เพียงพอกับความต้องการของต้นข้าว ข้าวนาปรังจึงให้ผลผลิตต่ำ สำหรับตนคิดค่าจ้างเกี่ยวข้าวไร่ละ 600 บาท โดยยอมสวนกระแสราคาน้ำมันแพง และพอให้ประคองตัวได้ เนื่องจากรู้สึกเห็นอกเห็นใจเพื่อนชาวนา ที่แบกรับภาระต้นทุนการทำนาที่สูง และขายข้าวขาดทุนดังกล่าว ทั้งนี้ ตนมีที่นา 9 ไร่และมีรถเกี่ยวข้าวเป็นของตัวเอง จึงประหยัดค่าจ้างเก็บเกี่ยวไปบ้าง อย่างไรก็ตาม ตามที่ราคาข้าวยังตกต่ำเพียง กก.ละ 6.30-6.80 บาท หากนำไปขายก็คงจะเสี่ยงกับการขาดทุนซ้ำซากเหมือนกับเพื่อนชาวนาทั่วไป
***เสียง***นายทองพูล ลักษณะสาย อายุ 53 ปี