“กิตติกร”ขอกองทัพเลิกซื้ออาวุธ 2 ปีนำงบประมาณช่วยประชาชน ชี้เลิกตรึงดีเซลทำชาวบ้านเดือดร้อนหนักเหตุต้นทุนพุ่งสินค้าปรับราคาแน่
“กิตติกร”ขอกองทัพเลิกซื้ออาวุธ 2 ปีนำงบประมาณช่วยประชาชน ชี้เลิกตรึงดีเซลทำชาวบ้านเดือดร้อนหนักเหตุต้นทุนพุ่งสินค้าปรับราคาแน่
นายกิตติกร โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จากกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศชัดเจนว่าตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไปรัฐบาลจะเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร พร้อมปล่อยให้เป็นไปตามราคาที่แท้จริง ทั้งนี้มีการคาดการว่า หากรัฐบาลเลิกตรึงราคาจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นเป็น 35 บาทต่อลิตร ซึ่งจะกระทบกับต้นทุนการขนส่งปรับเพิ่มขึ้นทันที ร้อยล่ะ 10-15 จากที่เป็นอยู่ ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับขึ้นตามไปด้วย กระทบประชาชนโดยตรง ดังนั้นคณะกรรมาธิการเตรียมที่จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงถึงแนวทางในการแก้ปัญหาในอนาคต
นอกจากนี้การปรับราคาขึ้น รัฐควรปรับราคาแบบขั้นบันไดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้บริโภค นอกจากนี้การประกาศราคาล่วงหน้า จะส่งผล ให้เกิด การกักตุนน้ำมันเพื่อหากำไรของผู้ประกอบการได้ ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการได้รับผล
กระทบน้อยที่สุด รัฐบาลควรค่อยๆปรับราคาจะดีกับทุกฝ่าย
นายกิตติกร กล่าวด้วยว่า ด้วยปัญหาระหว่างการสู้รบระหว่างรัสเซีย และยูเครนคงยืดยื้อยาวนาน ดังนั้นรัฐบาลควรบูรณาการ พลิกวิกฤติเป็นโอกาสในการหาวิธีในการซื้อน้ำมันจากรัสเซียเพื่อนำมาขายให้ประชาชน เชื่อว่าราคาจะถูกกว่าราคาตลาดโลกอย่างแน่นอน หากสามารถหาทางซื้อน้ำมันได้จะส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศไทยมีราคาที่ลดลง ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ควรมอบหมาย ให้กระทรวงการต่างประเทศหาแนวทางในการซื้อน้ำมันจากรัสเซียซึ่งอาจจะได้ราคาน้ำมันที่ถูกกว่าที่ซื้ออยู่
“นอกจากนี้จากภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นในประเทศไทย งบประมาณทุกบาทควรใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน การจัดทำงบประมาณปี 2566 รัฐบาลควรตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นออกไป โดยเฉพาะงบกลาโหม พลเอกประยุทธ์ควรงดซื้ออาวุธให้เหล่าทัพ 2 ปี เพื่อนำงบประมาณไปช่วยเหลือประชาชนให้มากที่สุด หลังพ้นวิกฤตค่อยมาพิจารณาเสริมเขี้ยวเล็บกองทัพอีกครั้ง กองทัพควรเสียสละเพื่อประชาชนบ้าง”นายกิตติกร กล่าว