1 มิถุนา วันขึ้นราคาสินค้าแห่งชาติ “ตรีชฎา” ตอกประยุทธ์ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปชช.เดือดร้อนค่าครองชีพสูง เศรษฐกิจไทยถูกเผาจริงเหลือเพียงซาก ขอลงจากอำนาจปล่อยมืออาชีพแก้วิกฤตก่อนพังไปมากกว่านี้
1 มิถุนา วันขึ้นราคาสินค้าแห่งชาติ “ตรีชฎา” ตอกประยุทธ์ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปชช.เดือดร้อนค่าครองชีพสูง เศรษฐกิจไทยถูกเผาจริงเหลือเพียงซาก ขอลงจากอำนาจปล่อยมืออาชีพแก้วิกฤตก่อนพังไปมากกว่านี้
(1 มิถุนายน) 2565) นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศต้องเจ็บหนัก เพราะราคาสินค้า ค่าครองชีพ และค่าพลังงานที่พร้อมใจกันขึ้นราคายกแผง ทั้งราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับขึ้นลิตรละ 1 บาทจนราคาทะลุอยู่ที่ 33 บาท ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินที่ปรับขึ้นวันนี้อีกลิตรละ 80 สตางค์ และจะกระทบกับค่าขนส่งอีก 3% รวมทั้งค่าแก๊สหุงต้มที่ปรับขึ้นอีกกิโลกรัมละ 1 บาท ผักสดขึ้นราคาอีกกิโลกรัมละ 5-10 บาท ข้าวสารถุงที่เตรียมปรับราคาขึ้นอีก 5-10% แต่สวนทางกับรายได้ชาวนาที่ขายข้าวได้เท่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งซอง ส่วนค่าก็เตรียมปรับจึ้นราคาเดือนกันยายนนี้อีก 40 สตางค์ รัฐบาลโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กลับไม่เคยรู้ร้อนรู้หนาวถึงความยากลำบากนี้ ซ้ำยังคงบริหารบ้านเมืองแบบไม่บริหาร ประชาชนมีรัฐบาลเหมือนไม่มี อยู่ได้เพราะราชการที่ช่วยประคองการทำงานเพียงเพื่อไม่ให้กระทำผิดกฎหมาย แต่ไร้ซึ่งกลยุทธ์ในการแก้ไขวิกฤต วางแผนประเทศเพื่ออนาคต
ส่วนกรณีที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตอบการอภิปรายของฝ่ายค้านในสภาโดยอ้างราคาน้ำมันที่ประเทศสหรัฐอเมริกาว่ามีราคาสูงกว่าประเทศไทยนั้น นายสุพัฒนพงษ์ คงลืมเปรียบเทียบค่าแรงและสวัสดิการของคนอเมริกันว่ามีความแตกต่างจากคนไทยลิบลับ ค่าแรงในประเทศไทยอยู่ที่ 300 บาทต่อวัน ที่ทยอยปรับขึ้นมาตั้งแต่ปี2554 สมัยที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จนวันนี้ไม่มีทีท่าจะปรับขึ้นตามที่รัฐบาลได้หาเสียงไว้ นอกจากค่าแรงไม่ขึ้นแล้วสิ่งที่ขึ้นกลายเป็นค่าครองชีพและราคาสินค้า ดังนั้นในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลหากไม่สามารถแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน อาจจะเห็นภาพธุรกิจรายย่อยปิดตัว ฟันเฟืองเศรษฐกิจที่หมุนเคลื่อนให้การจับจ่ายในภาคประชาชนอ่อนแรงลงไปจนทำให้เศรษฐกิจภาพใหญ่ชะลอตัวลงในไม่ช้า
“ประชาชนกำลังลำบาก หลายคนคิดสั้นตัดสินใจหนีปัญหาเพราะพิษเศรษฐกิจรุมเร้า แต่พลเอกประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่สามารถหาทางช่วยเหลือให้ประชาชนได้ พลเอกประยุทธ์ต้องการอยู่ต่อในตำแหน่งเพียงเพื่อประคองอำนาจเอาไว้ แต่ประชาชนคิดเพียงแค่การประคองชีวิตให้อยู่รอดยังทำได้ยาก วิกฤตชีวิตของประชาขน ควรปล่อยให้รัฐบาลมืออาชีพเข้ามาแก้ปัญหา ตอนนี้เศรษฐกิจอยู่ในยุคเผาจริง อีกไม่นานประเทศจะเหลือเพียงซากเถ้าถ่านด้วยน้ำมือการบริหารของท่าน หยุดสร้างปัญหาแล้วถอยออกจากอำนาจเถอะค่ะ ประชาชนร้องขอ” นางสาวตรีชฎากล่าว