23/11/2024

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นำทีม ภ.๙ จับกุมคนร้ายคดีฆ่าโหดทุบหัวฝังดิน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นำทีม ภ.๙ จับกุมคนร้ายคดีฆ่าโหดทุบหัวฝังดิน

 

จากกรณีเมื่อวันที่ ๑ มิ.ย.๖๕ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งลุง ภ.จว.สงขลา รับแจ้งเหตุพบศพนายหมัดดล บินสัน อายุ ๔๐ ปี ถูกฆ่าฝังดินอยู่ที่บริเวณป่าด้านหลังสนามกอล์ฟ หมู่ ๑๑ บ้านคลองปอม ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สภาพศพถูกมัดมือไพล่หลัง มัดเท้าด้วยเถาวัลย์ มัดปิดปากด้วยผ้าสีแดง รัดคอด้วยกระเป๋าสะพาย และศีรษะถูกทุบด้วยของแข็ง รวมทั้งพบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตจมอยู่ในสระน้ำบริเวณใกล้เคียงตามที่ทราบแล้ว นั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ควบคุมการสืบสวนสอบสวนให้รัดกุม และเร่งรัดการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร่งด่วน ซึ่งจากการสืบสวนเบื้องต้นคาดว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งถูกผู้ตายพบระหว่างการหลบหนีเข้าเมือง จึงได้ฆ่าผู้ตายและนำศพฝังดินเพื่ออำพรางคดีดังกล่าว


ความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.๙ และ สภ.ทุ่งลุง ภ.จว.สงขลา ได้รวบรวมพยานหลักฐานและติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีดังกล่าว โดยเริ่มจากเมื่อวันที่ ๒ มิ.ย.๖๕ ที่ผ่านมา สามารถจับกุมกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาซึ่งหลบหนีเข้าเมืองได้จำนวน ๑๐๙ คน ก่อนจะดำเนินการสอบปากคำทั้งหมดเพื่อรวบรวมข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องจนสืบทราบว่า คนร้ายที่เป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรมชายดังกล่าว และนำศพไปฝังเพื่ออำพรางคดีมีจำนวนทั้งสิ้น ๘ ราย ซึ่งขณะนี้มีพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติศาลจังหวัดสงขลาขอหมายจับผู้ต้องหาจำนวน ๕ ราย และสามารถติดตามจับกุมได้แล้ว ๓ ราย ประกอบด้วย

1. นายเมียน วิน (Myint Win) อายุ ๓๒ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดตาย หรือเหตุแห่งการตาย” (หลบหนี)
2. นายโก มอง (Ko Maung) อายุ ๒๕ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดตาย หรือเหตุแห่งการตาย” (หลบหนี)


3. นายซาน เอ (San Aye) อายุ ๓๒ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดตาย หรือเหตุแห่งการตาย” (จับกุม)
๔. นายเอา กู วิน อายุ ๒๗ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดตาย หรือเหตุแห่งการตาย” (จับกุม)
๕. นายชิด โก โก้ (Chit Ko Ko) อายุ ๓๔ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันซ่อน ช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย” (จับกุม)

ส่วนผู้ต้องหาอีก ๓ ราย อยู่ในระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุมและพิสูจน์ทราบตัวบุคคล เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาผู้ก่อเหตุให้การว่า เมื่อวันที่ ๓๑ พ.ค.๖๕ กลุ่มผู้ก่อเหตุพร้อมบุคคลต่างด้าวรวม ๑๐๙ คน ได้หลบหนีเข้าเมืองมา ก่อนที่จะมาพักที่บริเวณป่าละเมาะที่เกิดเหตุดังกล่าว ต่อมาช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ผู้ตายได้มาที่บริเวณที่บุคคลต่างด้าวอยู่ พร้อมกับได้นำอาวุธปืนและอาวุธมีด มาข่มขู่กลุ่มบุคคลต่างด้าวดังกล่าวเพื่อเรียกเอาเงิน กลุ่มดังกล่าวก็ได้รวบรวมเงินจำนวนหนึ่งมอบให้กับผู้ตาย แต่เมื่อได้เงินแล้ว ผู้ตายกลับพยายามนำตัวหญิงต่างด้าวคนหนึ่งไปด้วย

กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงพยายามไปช่วย และเข้าไปจับผู้ตายไว้ พร้อมกับได้รุมทำร้ายด้วยการใช้ไม้ทุบตีผู้ตายและมัดด้วยเถาวัลย์ พร้อมกับได้นำเอาโทรศัพท์ของผู้ตายไปโทรหานายหน้าของพวกตน ซึ่งต่อมานายจ้างได้จัดรถยนต์กระบะ ซึ่งขับโดยนายชิด โก โก้ เพื่อนำพาเอาบุคคลต่างด้าวทั้งหมดไปหลบซ่อนยังบ้านเช่าอีกที่หนึ่ง (ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ ๒ มิ.ย.๖๕) ต่อมาเวลาประมาณ ๒๒.๐๐ น. ของวันดังกล่าว กลุ่มผู้ก่อเหตุได้กลับไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อไปขุดหลุมและนำศพของผู้ตายไปฝังเพื่ออำพรางคดี รวมทั้งนำเอารถจักรยานยนต์ของผู้ตายเข็นไปทิ้งที่สระน้ำ จากนั้นจึงกลับไปยังบ้านเช่าดังกล่าว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและประชาชน จึงได้มีการเร่งรัดการสืบสวนติดตามจับกุมคดีดังกล่าวโดยเร่งด่วน ขณะนี้ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาได้บางส่วนแล้ว ในส่วนที่ยังหลบหนีอยู่จะมีการเร่งรัดการออกหมายจับและติดตามจับกุมเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ในส่วนของขบวนการลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการกวดขับจับกุมขบวนการดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่องจะมีการขยายผลไปสู่การจับกุมขบวนการรวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวเพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ข่าวที่น่าติดตาม