เพชรบูรณ์ -พระเลขานุการเจ้าคณะตำบลซับเปิบ เผยเป็นความเชื่อมาแต่โบราณ เรื่องจริงร่างหลวงตาเผาไฟไม่ไหม้ ขณะญาติรู้สึกสบายใจ หลังขอขมาแล้วเผาศพสำเร็จ
เพชรบูรณ์ -พระเลขานุการเจ้าคณะตำบลซับเปิบ เผยเป็นความเชื่อมาแต่โบราณ เรื่องจริงร่างหลวงตาเผาไฟไม่ไหม้ ขณะญาติรู้สึกสบายใจ หลังขอขมาแล้วเผาศพสำเร็จ
จากกรณี เกิดเรื่องราวสุดปาฎิหารณ์ สร้างความฮือฮาแก่ลูกศิษย์ และชาวบ้านที่มาร่วมงานพิธีบำเพ็ญกุศลศพ หลวงตา บุญตา มหามงฺคโล (แก้วสะแสน)อายุ64ปี พระลูกวัด วัดวังไทรทองวนาราม หมู่ที่7 ต.ซับเปิบ อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว เมื่อวันที่21มิถุนายน2565 ที่ผ่านมา โดยเมื่อวานนี้ ขณะที่กำลังทำพิธีตามประเพณีโบราณ จุดไฟเผาร่างหลวงตาบนกองฟอน ปรากฎว่า เปลวไฟจากกองฟอนที่ลุกโชติช่วง ได้เผาไหม้โลงศพจนหมดเกลี้ยง แต่ร่างของหลวงตากลับเผาไม่ไหม้ จึงได้เติมเชื้อฟืนเพิ่มเข้าไปอีก จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานกว่า 5 ชั่วโมง ก็ยังพบว่าร่างของหลวงตา นั้นถูกเปลวเพลิงเผาไปได้เพียงแค่ 20-30 %ของร่างกายเท่านั้น ยังคงเหลือส่วนท่อนขาลำตัวและคอ ปรากฎให้เห็นชัดเจน กระทั่งต่อมา ได้มีญาติของหลวงตา นึกขึ้นได้ว่า ตอนหลวงตาท่านมีชีวิตอยู่ ทราบว่า ท่านได้สักยันต์เป็นของรักษา ไว้ที่แผ่นหลัง หน้าอก และลำคอ จึงอาจเป็นสาเหตุ ให้ร่างกายเผาไม่ไหม้ ต่อมา ญาติและลูกศิษย์ จึงได้พากันแต่งขันธ์ 5 พร้อมประกอบพิธีขอขมาต่อร่างหลวงตา และทำการเผาต่อจนร่างกายไหม้เกรียม กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด สร้างความอัศจรรย์แก่ผู้พบเห็นและมาร่วมงานเป็นอย่างมาก
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง วัดวังไทรทองวนาราม ซึ่งเป็นสถานที่เผาร่างของหลวงตา บุญตา มหามงฺคโล (แก้วสะแสน)อายุ64ปี โดยเช้าวันนี้ ทางญาติพี่น้อง ก็ได้นิมนต์พระสงฆ์ มาทำพิธีเก็บกระดูก และนำอัฐิเก็บเข้าธาตุจนแล้วเสร็จ และก็ต่างพากันรู้สึกสบายใจ ที่สามารถดำเนินการเผาร่างได้สำเร็จ หลังจากเมื่อคืนนี้ ผ่านไปกว่า 5 ชั่วโมง ร่างก็ไม่ไหม้ จนกระทั่งลูกหลาน ญาติ ทำพิธีแต่งขันธ์5ขอขมา ทุกอย่างก็ลุล่วง ผ่านไปด้วยดี
โดยหลังจากเรื่องราวดังกล่าว ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ต่างพากันเชื่อว่า สาเหตุที่เผาร่างไม่ไหม้ นั้นเกิดจากของรักษา ในรอยสักยันต์ของหลวงตา ที่ตอนมีชีวิต ได้สักยันต์เอาไว้ ที่แผ่นหลัง หน้าอก และลำคอ โดย 1 ในลายยันต์นั้น ญาติได้เผยว่า เป็นรอยสักของยันต์ครอบจักรวาล เมื่อท่านเสียชีวิตลง กลับพบว่า บริเวณรอยสักยันต์ แผ่นหลัง หน้าอก และลำคอ กลับเผาไม่ไหม้ จนต้องมาทำพิธีขอขมาเสียก่อน ขณะที่ทาง พระเลขานุการเจ้าคณะตำบลซับเปิบ ก็ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล และส่วนตัวพระนั้น ก็เคยประสบพบเจอมาแล้วเช่นกัน
จากการสอบถาม พระสมุห์ประสิทธิ์ นรินฺโท เลขานุการเจ้าคณะตำบลซับเปิบ เผยว่า เป็นความเชื่อของทางโบราณ ตามที่พระเคยไปเผามา เชื่อว่า ทางผู้ตาย ตายไปแล้วเผาไม่ยอมไหม้ อาจจะมีห่วง มีความห่วงใย ห่วงลูก ห่วงหลาน ห่วงสิ่งของ หรือห่วงว่าลูกหลานไม่ได้บอกกล่าว ไม่มาขอขมา โดยบางศพ ก็เคยเห็นว่า มีลูกหลานมาขอขมาว่า ขออย่าทำอย่างนี้ ให้เผาร่างไหม้ไปซะ ลูกหลานครอบครัวจะได้เก็บกระดูก โดยเรื่องราวเหล่านี้ อาตมาถือว่าเป็นเรื่องจริง ที่ศพเผาไม่ไหม้ ขนาดถ่าน หรือฟืนคุอยู่เต็มกองเพลิง ศพบางส่วน ก็ยังวางอยู่อย่างนั้น ก็เหมือนเดิม พอลูกหลาน ญาติ มาขอขมาก็สามารถเผาร่างได้ลุล่วง ถือเป็นความเชื่อที่เคยพบเจอ
ด้าน นางบุษบา ด้วงกระยอม อายุ56ปี ญาติหลวงตา เล่าว่า ตอนนี้สามารถทำทุกอย่างสำเร็จหมดแล้ว ทั้งเผาร่างและนำอัฐิเข้าธาตุ เป็นอันเสร็จพิธี ต่างพากันสบายใจขึ้น หลังจากเมื่อคืนนี้เผาร่างไม่ไหม้ ซึ่งทางอีสานถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล หากไม่แต่งขันธ์5 ขอขมา ผู้ที่มีของรักษา ก็จะไม่สามารถเผาร่างได้ โดยเมื่อคืนนี้ ยอมรับว่าลืมขอขมา แต่พอทำแล้ว ก็สามารถไหม้ได้ทั้งร่าง ซึ่งส่วนที่ไม่ไหม้ไฟเมื่อคืน คือ ส่วนหน้าอก คอ และแผ่นหลัง โดยทราบว่า หลวงตาได้สักยันต์ครอบจักรวาลไว้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะสิ่งนี้ เคยเห็นมาแล้ว
เดชา มลามาตย์/มนสิชา คล้ายแก้ว