สระบุรี/ศูนย์รับบริจาคอวัยวะและปลูกถ่ายอวัยวะโรงพยาบาลสระบุรีร่วมกับคณะกรรมการเทคนิคการแพทย์โรงพยาบาลสระบุรี จัดกิจกรรมวันเครือข่ายการรับบริจาคปลูกถ่ายอวัยวะและดวงตา”วันเทคนิคการแพทย์ไทย”
สระบุรี/ศูนย์รับบริจาคอวัยวะและปลูกถ่ายอวัยวะโรงพยาบาลสระบุรีร่วมกับคณะกรรมการเทคนิคการแพทย์โรงพยาบาลสระบุรี จัดกิจกรรมวันเครือข่ายการรับบริจาคปลูกถ่ายอวัยวะและดวงตา”วันเทคนิคการแพทย์ไทย”
วันที่ 29 มิถุนายน 2565 เวลา08.00 น. นายแพทย์สมยศ ศรีจารนัย สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 4 เป็นประธานการเปิดการอบรมเครือข่ายความร่วมมือการรับบริจาคอวัยวะและดวงตา เขตสุขภาพที่ 4 ณ ห้องประชุมศิริพานิชชั้น 6 อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลสระบุรี มีนายแพทย์อนันต์ กมลเนตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสระบุรีกล่าวรายงาน ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (service plan ) สาขาปลูกถ่ายอวัยวะสาขาดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองและสาขาจักษุได้มีการเจรจาขอรับบริจาคอวัยวะและดวงตาเครือข่ายชุมชนสุขภาพที่ 4 ประจำปี 2565 สามารถดำเนินงานการรับบริจาคอวัยวะเนื้อเยื่อและดวงตาได้บรรลุความสำเร็จอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลโรงพยาบาลสระบุรีเป็นตัวแทนจังหวัดสระบุรีจัดอบรมเครือข่ายความร่วมมือการรับบริจาคอวัยวะและดวงตาเขตสุขภาพที่ 4และเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจและสนใจบริจาคอวัยวะและดวงตามากขึ้น
ในการจัดงานครั้งนี้มีผู้เข้าอบรมจำนวน 150 คน ประกอบไปด้วยบุคลากรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี เหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรี บุคลากรเทศบาลเมืองสระบุรี บุคลากรโรงพยาบาลสระบุรี โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม) ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี และในวันที่ 29 มิถุนายนของทุกปีเป็น”วันเทคนิคการแพทย์ไทย” โดยผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์จึงถือเอาวันที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่9 ทรงลงปรมาภิไธยในพระราชกฤษฏีกาจัดตั้งคณะเทคนิคการแพทย์มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นแห่งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน2500
ซึ่งนับจนถึงวันนี้เทคนิคการแพทย์ได้ทำหน้าที่ในระบบบริการสาธารณสุขไทยมาถึง 65 ปี ซึ่งในวันนี้ประกอบกิจกรรมไปด้วยการรับบริจาคโลหิต การรับบริจาคอวัยวะและดวงตา ได้รับบริจาคอัยวะและดวงตาจำนวน 22 ราย การบริจาคอวัยวะจากผู้ป่วยสมองตายเพื่อนำไปต่อชีวิตให้กับผู้ป่วยระหว่างคอยอวัยวะ มีการตรวจน้ำตาลในเลือด การติดตามการควบคุมป้องกันโรคที่เป็นปัญหาสำคัญของประเทศอาทิเช่นโรคเอดส์ โรคซาร์ส ไข้หวัดนก วัณโรค โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย สารเสพติดและโรคโควิด 19 รวมถึงโรคไม่ติดเชื้อเช่นโรคเบาหวานโรคไต โรคตับ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด ตลอดจน การตรวจอาหารสิ่งแวดล้อม การตรวจทางชีวอนามัย ที่จะก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกด้วย.
/ดำรงค์ ชื่นจินดา รายงาน
