รมว.พม. ย้ำชัดแก้ทุจริตการเคหะแห่งชาติ ไม่เอื้อประโยชน์นายทุน ต่อต้านระบบผูกขาด มุ่งแก้ปัญหายากจนแบบพุ่งเป้า สร้างบ้านเช่าราคาถูก
รมว.พม. ย้ำชัดแก้ทุจริตการเคหะแห่งชาติ ไม่เอื้อประโยชน์นายทุน ต่อต้านระบบผูกขาด มุ่งแก้ปัญหายากจนแบบพุ่งเป้า สร้างบ้านเช่าราคาถูก
วันที่ 22 กรกฎาคม 2565 นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า การเปลี่ยนความคิดและกระบวนการทำงานของการเคหะแห่งชาติ จากการทำกำไรในเชิงพาณิชย์ให้คืนกำไรกลับสู่สังคม จากเดิมที่ขายบ้านเพื่อเอากำไร เปลี่ยนเป็นสร้างบ้านให้คนเช่าที่มีราคาเช่าถูกกว่าท้องตลาด และต้องไม่ใช่แค่การสร้างบ้าน แต่เป็นการสร้างบ้านพร้อมส่งเสริมอาชีพเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่การเคหะแห่งชาติไม่เคยทำมาก่อน แต่รัฐบาลชุดนี้ได้ทำและทำอย่างจริงจัง เพื่อแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้า
นายจุติ กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการเคหะสุขประชาถือเป็นโครงการที่มีความคุ้มค่า ยกตัวอย่างว่าโครงการพับถุงกล้วยในโครงการเคหะสุขประชาร่มเกล้า นั้น ตนต้องบอกเลยว่าทุกชุมชนมีอาชีพของเขาเอง ไม่ว่าจะพับถุงกล้วย พับถุงพลาสติก เก็บของเก่าขาย แต่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์นั้น เขามี เพราะเป็นอาชีพสุจริต อย่าไปดูถูกคนจน อีกทั้งโครงการเคหะสุขประชา ร่มเกล้า ไม่ได้มีเพียงการพับถุงกระดาษ แต่มีการทำโครงการตลาดที่ทันสมัย เพื่อให้คนที่ค้าขายไม่ต้องไปเช่าที่ราคาแพง ได้มีอาชีพเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว โดยไม่ต้องเดินทางไกล เพราะอยู่ในพื้นที่นั้น ได้ทำงานใกล้บ้าน ลดความแออัด ทำให้คุณภาพชีวิตมีความสุขมากขึ้นและอยู่อย่างพอเพียง
นายจุติ กล่าวต่อไปอีกว่า ตนทราบดีว่า วันนี้ คนการเคหะแห่งชาติไม่อยากให้มีการเปลี่ยนแปลง ต้องการให้ทุกอย่างเหมือนเดิม ทรัพย์สินที่มีมูลค่ามหาศาล อยากใช้หาผลประโยชน์กันเหมือนเดิม ไม่อยากให้มีการเปลี่ยนมือ และไม่อยากให้ผลประโยชน์นั้นไปตกอยู่กับประชาชน แต่ท่านนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าและอยู่อย่างพอเพียง เพื่อให้คนมีรายได้น้อยสามารถอยู่ได้ ซึ่งตนได้ไปลงพื้นที่ซอยหมอเหล็งที่อยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร พบว่าห้องที่เช่าอยู่กันมีขนาดเล็กมากๆ แต่ต้องเสียค่าเช่าเดือนละ 2,500 บาท และต้องใช้ห้องน้ำรวม สุขอนามัยไม่มี ความปลอดภัยก็ไม่มี วันนี้ การเคหะแห่งชาติจึงได้นำที่ดินที่เคยซื้อไว้ในอดีตเมื่อ 17 ปีที่แล้ว เอามาปรับปรุง ถมดิน เพื่อทำเป็นที่อยู่อาศัยและคนสามารถมีอาชีพได้ โดยจ่ายค่าเช่าที่ถูกกว่าท้องตลาดถึง 40% ซึ่งเราคิดถึงขนาดว่า ถ้าคนมีอาชีพรับจ้างกรรมกร 2 คนผัวเมีย มีรายได้วัน 320 บาท จ่ายค่าเช่าวันละ 50 บาท และจ่ายค่าน้ำค่า – ไฟฟ้า วันละ 20 บาท ยังมีเงินเหลือไว้กินไว้ใช้ได้ และสามารถประกอบอาชีพได้ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลต้องการ
นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับห้องที่มีการสร้างก่อนที่ผมเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. ไม่น่าเชื่อว่า 10 ปีแล้ว ยังขายห้องไม่ได้ และมีการเก็บห้องบางส่วนไว้เพื่อทุจริต มีการแอบปล่อยเช่าเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมกำลังจะแก้ปัญหา โดยต้องต่อสู้กับระบบอุปถัมภ์ ระบบผูกขาด ที่หาผลประโยชน์กันมานาน อย่างอาคารเช่าทรัพย์สินของการเคหะแห่งชาติที่มีการปล่อยให้ค้างค่าเช่ามานานถึง 13 ปี 150 กว่างวด นอกจากนี้ เมื่อ 16 ปีที่แล้ว มีการนำเงินภาษีของรัฐ 6,000 ล้านบาท ไปสร้างที่อยู่อาศัยและอ้างว่าการเคหะแห่งชาติไม่สามารถบริหารจัดการได้ จึงให้บริษัทเอกชนเช่าช่วง เช่าเหมา 30,000 ห้อง โดยเช่าในราคา 920 บาทต่อเดือน แล้วนำไปปล่อยให้ประชาชนเช่าต่อในราคาเดือน 2,500 บาทบ้าง 3,400 บาทบ้าง และเมื่อหมดสัญญาแล้ว การเคหะแห่งชาติจึงขอคืนห้องทั้งหมด เพื่อนำมาดำเนินการเอง แต่บริษัทเอกชนดังกล่าวไม่ยอมออก ฟ้องขับไล่ก็ไม่ไป เก็บเงินค่าเช่าได้แล้ว ก็ไม่จ่ายให้การเคหะแห่งชาติ เป็นการหาผลประโยชน์กับโครงการนี้แบบจับเสือมือเปล่า โดยไม่ต้องลงทุนแม้แต่บาทเดียว ด้วยราคาส่วนต่างทำให้ได้กำไร 9,180 ล้านบาท แล้ววันนี้ รัฐบาลชุดนี้ จึงได้ดำเนินการจัดการ เพื่อนำเงิน 9,180 ล้านบาท มาคืนเฉลี่ยให้กับพี่น้องประชาชนที่ไม่มีรายได้ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีอย่างนี้