กรมทะเลชายฝั่ง ขอความร่วมมือปชช.งดปล่อยโคมลอยบริเวณชายหาด หวั่นเกิดปัญหาขยะทะเล สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศทางทะเล
กรมทะเลชายฝั่ง ขอความร่วมมือปชช.งดปล่อยโคมลอยบริเวณชายหาด หวั่นเกิดปัญหาขยะทะเล สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศทางทะเล
วันที่ 25 ธันวาคม 2565 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ภายหลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพนักท่องเที่ยวปล่อยโคมลอย บริเวณชายหาดกะรน จังหวัดภูเก็ต ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ขยะมรสุม MONSOONGARBAGE THAILAND ตนในฐานะผู้นำด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟู คุ้มครอง และป้องกันทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ไม่ได้นิ่งนอนใจพร้อมสั่งการให้นักวิชาการของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ชี้แจงในประเด็นดังกล่าว จากการรายงานข้อมูลของนักวิชาการ ทราบว่า การจุดโคมลอยบริเวณชายหาดหากถูกลมพัดพาลงไปสู่ทะเลเมื่อโคมลอยเหล่านี้ตกลงสู่ทะเลอาจก่อให้เกิดเป็นขยะทะเลซึ่งลักษณะของโคมลอยมีลักษณะสีขาวหากตกอยู่ลอยอยู่ในน้ำทะเลอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแมงกะพรุน
อาจทำให้เต่าทะเลหรือสัตว์ทะเลอื่นๆ กินเข้าไปซึ่งจะอุดตันทางเดินอาหารส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของสัตว์เหล่านี้ หรือหากตกลงสู่ท้องทะเลในบริเวณที่เป็นแหล่งหญ้าทะเลหรือประการัง โคมลอยเหล่านี้ก็อาจจะไปปกคลุมในบริเวณหญ้าทะเลหรือบริเวณปะการัง ทำให้หญ้าทะเลไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ก็จะเกิดการเสื่อมโทรม หรือตายลง กรณีที่ไปปกคลุมแนวปะการังจะทำให้สาหร่ายซูแซนเทลลี่ (zooxanthellae) ซึ่งอาศัยอยู่ในเซลล์ของประการังไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ทำให้ตัวปะการังอ่อนแอและอาจตายลงได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม กรม ทช. จะประสานงานกับท้องถิ่น จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งหารือมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาพร้อมกับประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปล่อยโคมลอยบริเวณชายหาด ก่อนจะถึงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สุดท้ายนี้ ขอวิงวอนไปยังพี่น้องประชาชนทุกท่าน ให้งดปล่อยโคมลอยบริเวณชายหาดโดยเด็ดขาด หากจำเป็นต้องการปล่อยโคมลอยเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่หรือเทศกาลอื่นๆ ควรเลือกสถานที่ปลอดโปร่งและปลอดภัย ลดสร้างความเสียหายต่อสิ่งรอบข้าง และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อระบบนิเวศทางทะเลอีกด้วย
นอกจากนี้ ต้องขอขอบคุณประชาชนที่คอยเป็นหูเป็นตาและสอดส่องดูแลปกป้องทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงสื่อออนไลน์ที่เป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และหากพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้อีก ขอให้แจ้งเบาะแสมาได้ที่สายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล โทร. 1362 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกรม ทช. จะเร่งประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่และดำเนินการตามขั้นต่อไปโดยทันที “นายอรรถพล กล่าวทิ้งท้าย”