สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมกำลังปูพรมค้น 91 จุดทั่วประเทศ ตามแผน “พิทักษ์ประชา ปราบยาเสพติด 1/66”
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมกำลังปูพรมค้น 91 จุดทั่วประเทศ ตามแผน “พิทักษ์ประชา ปราบยาเสพติด 1/66”
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ ทั้งการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทำลายและตัดวงจรเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งรายใหญ่และรายย่อย ขยายผล ยึดและอายัดทรัพย์สินให้ได้มากที่สุด รวมทั้งการสกัดกั้นลำเลียงยาเสพติดเข้าสู้ประเทศไทย และการส่งออกจากประเทศในผ่านระบบขนส่งพัสดุภัณฑ์ ไปรษณีย์ และระบบ Logistics ทุกรูปแบบ นั้น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาล มาสู่การปฏิบัติ โดยมีนโยบายให้ดำเนินการปราบปรามทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทุกระดับ และเพิ่มความเข้มในการทำลายเครือข่ายผู้ค้ารายย่อยในระดับชุมชนอย่างจริงจัง สืบสวนจับกุมผู้ค้ารายย่อยในชุนชน ขยายผลไปสู่การจับกุมเครือข่ายผู้ค้ารายสำคัญ และหากมีการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติดจำนวนมาก ให้ทุกหน่วยดำเนินการขยายผล จับกุม ยึด อายัดทรัพย์สินเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทุกราย โดยดำเนินการสืบสวนและวิเคราะห์ข้อมูลเส้นทางการเงินเพื่อหา ความเชื่อมโยงเครือข่ายการค้ายาเสพติด เพื่อกำหนดเป้าหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนจับกุมทำลายเครือข่ายผู้ค้ารายกลางและรายย่อยในพื้นที่ชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. ขับเคลื่อนการปฏิบัติ ควบคุมกำกับดูแลและสั่งการให้สืบสวนขยายผลคดีรายสำคัญของตำรวจภูธรภาค 5 หลังจากเมื่อวันที่ 28 ก.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมของกลาง รถยนต์ 3 คัน ยาบ้า 1.5 ล้านเม็ด ในพื้นที่ จว.เชียงใหม่ จากนั้นจึงสืบสวนขยายผลและวิเคราะห์ข้อมูลทางโทรศัพท์และเส้นทางการเงิน จนทราบว่ามีเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับตัวการสำคัญ เครือข่ายผู้ค้าระดับกลางและรายย่อยในชุมชน กระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ จึงได้กำหนด เปิดปฏิบัติการ “พิทักษ์ประชาปราบยาเสพติด 1/66” เมื่อวันพุธที่ 11 ม.ค.66 ที่ผ่านมา โดยปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 91 จุด พร้อมกันทั่วประเทศ ในพื้นที่ 13 จังหวัด
ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี, สิงห์บุรี, สระบุรี, ลพบุรี, เชียงใหม่, นครสวรรค์, นครปฐม, สมุทรสงคราม, กาญจนบุรี, เพชรบุรี, และ สุพรรณบุรี โดยมีเป้าหมายจับ 10 หมายจับ ผลการปิดล้อมตรวจค้นครั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 20 คดี 21 ราย จับกุมตามหมายจับได้ 3 ราย ตรวจยึดยาเสพติด ยาบ้า 4,207 เม็ด, เคตามีน 3.63 กรัม และเห็ดขี้ควายแห้ง 797.8 กรัม นอกจากนี้ยังตรวจยึด เงินสด 8,800 บาท, รถยนต์ 3 คัน, ทองคำ 1 บาท, รถจักรยานยนต์ 1 คัน, อาวุธปืน 6 กระบอก, กระสุน 139 นัด โทรศัพท์มือถือ 17 เครื่อง และ สมุดบัญชีเงินฝาก 50 เล่ม(นำไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน) รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งหมด 490,190 บาท
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการเปิดปฏิบัติการในครั้งนี้ กล่าวหลังการเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ว่า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมตรวจค้นอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้สามารถตัดวงจรการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชนให้ได้ รวมทั้งให้นำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มาไปวิเคราะห์ หากพบผู้ค้ารายใหม่ให้ทำการขยายผลอย่างต่อเนื่อง ให้ทราบถึงขบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อนำเข้าสู่การดำเนินการตามกฎหมายและกระบวนการบำบัดฟื้นฟู ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องในการขยายผลและทำลายเครือข่ายยาเสพติดทุกเครือข่ายในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงการยึดอายัดทรัพย์สิน ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด หากประชาชนที่พบเห็นความผิดปกติ หรือมีเบาะแสของขบวนการค้ายาเสพติด สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วน 1599 หรือ 191 ซึ่งข้อมูลของผู้แจ้งจะถูกปิดเป็นความลับ มีการบูรณาการข้อมูลจากทุกภาคส่วน เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดบรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน