ประจวบคีรีขันธ์-คลังประจวบแนะผู้ได้สิทธิ์สวัสดิการแห่งรัฐควรรีบยืนยันตัวตนก่อน 26 มี.ค. ก่อนเสียสิทธิ์ค่าเดินทาง 750 บาทต่อเดือน

วันที่ 24 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานคลังจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นางพิศมัย แก้วแจ่มใส คลังจังหวัดประจวบ เปิดเผยถึงกรณีโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี พ.ศ.2565 ว่า ได้มีการ เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนมาตั้งแต่วันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์และยืนยันตัวตนตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมเป็นต้นมา หากใครที่ตรวจสอบสิทธิ์และได้รับสิทธิ์ก็จะต้องรีบมาดำเนินการยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารของรัฐ ทั้ง 3 ธนาคาร ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคาร ธ.ก.ส. ได้ทั่วประเทศ โดยจะต้องนำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด(บัตรแข็ง) และบัญชีธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยบัตรประชาชน มายืนยันตัวตนกับธนาคาร เนื่องจากสิทธิ์โครงการสวัสดิการแห่งรัฐปี 65 ครั้งนี้จะเป็นการใช้จ่ายโดยผ่านบัตรประชาชน

สำหรับบัญชีธนาคาร จะเป็นของธนาคารใดก็ได้ทุกธนาคารที่ ผูกพร้อมเพย์ สำหรับวงเงินที่ได้รับของผู้ที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติ จะได้รับวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน จากร้านธงฟ้าและร้านค้าอื่นๆที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด วงเงินส่วนลดค่าซื้อการ์ดหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน จากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด และวงเงินส่วนลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 750 บาทต่อคนต่อเดือน ใช้กับรถ ขสมก.รถไฟ รถไฟฟ้า BTS MRT และ ARL รถ บขส.รถเอกชนร่วม ขสมก. รถสองแถวรับจ้าง เรือโดยสารสาธารณะ ส่วนสิทธิ์ค่าไฟฟ้าวงเงิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน สิทธิ์ค่าน้ำประปาวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ซึ่งจะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ที่หน่วยงานกำหนด และต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ใหม่ทุกคน ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป

สำหรับผู้ที่ไม่ผ่านการพิจารณาโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องรีบไปอุทธรณ์ภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ส่วนใครที่ได้รับสิทธิ์และยืนยันตัวตนไม่ทันภายในวันที่ 26 มีนาคม ก็สามารถยืนยันตัวตนหลังจากนี้ได้จนถึงวันที่ 27 มิถุนายน 2566 ซึ่งวงเงินที่ได้รับเพื่อใช้สิทธิ์ จะมีการทบยอดให้ แต่แนะนำว่าขอให้รีบดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 26 มีนาคมนี้ เนื่องจากจะเสียสิทธิ์วงเงินส่วนลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 750 บาทต่อเดือน โดยในพื้นที่จังหวัดประจวบมีผู้ที่ยืนยันตัวตนเสร็จสมบูรณ์ และรอรับการใช้สิทธิ์ในวันที่ 1 เมษายนนี้แล้ว จำนวน 65903 ราย ข้อมูล ณ วันที่ 22 มีนาคม 66