จันทบุรี-สถิติอุบัติเหตุทางถนน 7 วัน ระวังอันตรายเทศกาลสงกรานต์จังหวัดจันทบุรี รวม 4 วัน เกิดอุบัติเหตุทางถนนรวม 15 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 3 ราย บาดเจ็บ Admit 12 ราย

ปรับแผนป้องกันอุบัติเหตุใช้มาตรการเชิงรุก จัด “ชุดเคลื่อนที่เร็ว” ป้องปราม ตักเตือนผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง
นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยข้อมูลจาก ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566 จังหวัดจันทบุรี ว่า จังหวัดจันทบุรีได้บูรณาการหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ท้องถิ่น ท้องที่ ภาคประชาสังคมร่วมรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้อย่างเข้มข้น มีการดำเนินคดีสำหรับผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรอย่างเข้มงวดเพื่อให้ประชาชน นักท่องเที่ยวเดินทางปลอดภัย

และมีความสุขในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน จากข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนพบว่า จันทบุรีมีจำนวนอุบัติเหตุทางถนนเกิดขึ้นแล้วรวม 15 ครั้ง เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ Admit นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 12 ราย เบื้องต้นมีการตั้งจุดตรวจ 18 จุดตรวจ เรียกตรวจรถไปแล้วทั้งสิ้น 13,037 คัน ดำเนินคดีแก่ผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรรวม 1,964 ราย แยกเป็น ไม่สวมหมวกนิรภัย 674 ราย /ไม่มีใบขับขี่ 673 ราย /ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 314 ราย / เมาสุรา 137 ราย / มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย 61 ราย / ใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 41 ราย / ขับรถย้อนศร 27 ราย / ฝ่าผืนสัญญาณจราจร 13 ราย /ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ 15 ราย / และแซงในที่คับขัน 9 ราย

ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยววิเคราะห์ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน เพื่อหาช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และกำหนดแนวทาง มาตรการเพิ่มเติม เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ และได้ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสาย และหอกระจายข่าว ห้ามไม่ให้จอดรถบนไหล่ทางในถนนสายหลัก สายรอง ที่มีการสัญจรอย่างหนาแน่น และบริเวณการจัดงานต่างๆ ที่มีประชาชน รวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ให้ปรับแผนการดำเนินงาน “ด่านชุมชน” ให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ โดยใช้มาตรการเชิงรุก “ชุดเคลื่อนที่เร็ว” เพื่อป้องปราม ตักเตือนผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง เน้นในบริเวณจุดเล่นน้ำ และจุดที่มีการจัดงานรื่นเริงต่าง ๆ กรณีผู้ขับขี่อายุต่ำกว่า 20 ปี ที่ดื่มแล้วขับ ให้สืบสวนขยายผล เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ และวนอุทยานในพื้นที่ ดำเนินการตามมาตรการองค์กร “สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร สวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง เมื่อเข้า – ออก ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และวนอุทยาน