“บิ๊กจ๋อ” นำทีมสืบนครบาล ขอดเกล็ด “แก๊งเจียงซี” ตุ๋นขายทองเก๊ พบเหยื่อเป็นระดับเจ้าสัวตระกูลดังเมืองไทย
“บิ๊กจ๋อ” นำทีมสืบนครบาล ขอดเกล็ด “แก๊งเจียงซี” ตุ๋นขายทองเก๊ พบเหยื่อเป็นระดับเจ้าสัวตระกูลดังเมืองไทย
วันที่ 25 เมษายน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 นำทีมเจ้าหน้าที่ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. แถลงผลการสืบสวนติดตามจับกุม Mr.Zhong Xiaocong อายุ 44 ปี Mr.Li Xiaoyuan อายุ 45 ปี Mr.Zeng NanJing อายุ 54 ปี Mr.Yang Cuiyuan อายุ 51 ปี Mr.Zhu Zhihua อายุ 48 ปี และ Mr.Guo Xianyu อายุ 49 ปี ทั้งหมดเป็นชาวจีน ข้อหาว่า “ร่วมกันพยายามลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย และซ่องโจร”
จับได้ที่ หน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
พร้อมตรวจยึดของกลางกว่า 7 รายการ อาทิ ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นก้อน 179 ชิ้น ทองคำ (ปลอม)ลักษณะเป็นรูปปั้นเทวรูป 10 ชิ้น ทองคำ (แท้) ลักษณะเป็นแผ่นบาง 2×1 ซม. 8 ชิ้น สมุดสมาคมคนจีนในประเทศไทย 46 เล่ม บัตร ATM 24 ใบ โทรศัพท์มือถืออ12 เครื่อง อุปกรณ์เลื่อยตัดทอง 1 ชุด
คดีนี้ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของ บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายชาวจีน สัญชาติไทย รายหนึ่งได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งเป็นชาวจีน “ต้มตุ๋น” หลอกขายทองคำ ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพทำทีว่ามีทองคำแท้จำนวนมาก ขุดเจอที่พระนครศรีอยุธยา นำมาขายให้กับผู้เสียหายในราคาถูก ซึ่งผู้เสียหายรายนี้หลงเชื่อและเสียเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพรายนี้ไปกว่า 500,000 บาท หลังจากกลุ่มมิจฉาชีพได้เวินแล้วก็ได้หายเข้ากลีบเมฆ ไม่สามารถติดต่อได้
ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ได้ตระเวน “เปิดแฟ้มคดี” ที่กลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้เคยตระเวนหลอกลวงเหล่าผู้เสียหาย พบว่าลักษณะการก่อเหตุมีความแยบยลอย่างมืออาชีพ และมีลักษณะการทำงานเรียกได้ว่าเป็นระดับ “องค์กร” ซึ่งเริ่มต้นจากกลุ่มคนร้ายจะหาลายแทงของเหยื่อโดยการ “กางโพย” คือสมุดรายชื่อตระกูลคนจีนในประเทศไทย ตั้งแต่เจ้าสัวตระกูลดัง จากนั้นจะไล่สืบประวัติและติดตามบุคคลเหล่านั้นกระทั่งได้ข้อมูลเบื้องต้น แล้วเริ่มเข้าสู่กระบวนการต้มตุ๋นด้วยการโทรศัพท์ไปพูดคุย โดยอ้างข้อมูลต่างๆที่ได้จากการไล่สืบประวัติมาจึงทำให้เหยื่อ “ติดกับดัก” หลงเชื่อ
ต่อมาเข้าสู่กระบวนการ “นัดพบ” ซึ่งเมื่อสามารถนัดพบกับเหยื่อได้แล้วจะมีการใช้จิตวิทยาด้วย “การแสดง” โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะนำทองคำ (ปลอม) ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนจำนวนมากมาโชว์ให้เหยื่อดูและแสร้งนำเลื่อยมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็กเพื่อนำให้เหยื่อเอาไปตรวจสอบ ซึ่งแท้จริงมีเพียงชิ้นเล็กเท่านั้นที่เป็นทองแท้ ซึ่งเมื่อเหยื่อนำทองชิ้นเล็กเหล่านั้นไปตรวจสอบกับร้านทอง ก็จะพบว่าเป็นทองคำแท้ ทำให้หลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพอย่างสนิทใจ ทำให้เหยื่อยอมนำเงินมอบให้กับกลุ่มมิจฉาชีพแล้วก็จะหายเข้ากลีบเมฆทันที
เมื่อประมวลเรื่องราวการก่อคดีแก๊งคนร้ายกลุ่มนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช รายงานให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ทราบพร้อมสั่งการให้
นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ลงพื้นที่สืบสวนด้วยวิธีการ “ดักหน้า” โดยได้พบกับเหยื่ออีกรายหนึ่งซึ่งกำลังจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้หลอกลวง ได้นำกำลังเข้าไปวางแผนและเปิดปฏิบัติการซ้อนแผน “ขอดเกล็ด” โดยจัดฉากทำทีให้เหยื่อหลงเชื่อและนัดพบกับกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้
ต่อมาวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มมิจฉาชีพ 2 คน ได้ปรากฏตัว ณ จุดนัดพบ บริเวณหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง พล.ต.ต.ธีรเดชฯ จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมตัวคนร้ายทั้งสองรายคือ Mr.Zhong Xiaocong อายุ 44 ปี และ Mr.Li Xiaoyuan อายุ 45 ปี และจากการตรวจค้นพบ ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นก้อน จำนวน 17 ชิ้น , ใบเลื่อย 1 ใบ ซึ่งจากการซักถามและตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 4 ราย ซึ่งอยู่ ณ เซฟลับซึ่งเป็นห้องพักที่โรงแรมหรูย่านรัชดากว่า 4 ห้อง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นโดยจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการได้อีก 4 ราย
พร้อมตรวจค้นห้องพักทั้ง 4 ห้องพบ ทองคำปลอมอีกกว่า 172 ชิ้น และหลักฐานอย่างอื่นที่ใช้ด่อเหตุอีก
สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 6 รายให้การปฏิเสธ โดยให้การว่า กลุ่มตนนั้นมาจากเมือง Jiangxi ประเทศจีน เคยทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ประเทศอินโดนิเซีย ก่อนที่จะมาตระเวนหลอกลวงในประเทศไทย โดยยอมรับอีกว่าการสั่งซื้อทองปลอมนั้นนำเข้ามาจากเมือง Jiangxi ประเทศจีน โดยสั่งมาทางพัสดุเข้ามาในประเทศไทย โดยยอมรับว่ากลุ่มของตนชื่นชอบการต้มตุ๋นซึ่งได้แรงบรรดาลใจจากซีรีย์ดังในต่างประเทศ ส่วนเรื่องทางคดีนั้นขอต่อสู้คดีในชั้นศาล”
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า คนร้ายกลุ่มนี้ถือเป็นแก๊งต้มตุ๋นมืออาชีพซึ่งมีแรงบรรดาลใจที่จะเป็นนักต้มตุ๋นเป็นทุนเดิม และยังมีพื้นฐานการหลอกลวงมาจากประสบการณ์ที่เคยทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้กรรมวิธีในการหลอกลวงนั้นแยบยลและยังมีการวางแผนที่จะหลอกลวงอย่างเป็นระบบ ถือเป็นภัยสังคมที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ซึ่งจากการขยายผลเชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆที่ยังอยู่ในประเทศไทยซึ่งเราจะมีการขยายผลจนถึงที่สุด และขอแจ้งเตือนไปยังประชาชนที่มีชื่ออยู่ในสมาคมคนจีนในประเทศไทย ให้ระวังกลุ่มมิจฉาชีพประเภทนี้ ซึ่งจากข้อมูลทางการสืบสวนมิจฉาชีพกลุ่มนี้มักให้เหยื่อผู้เสียหายเดินทางไปพบเพียงคนเดียว หากเหยื่อรายใดไหวตัวทันก่อนอาจร้ายแรงถึงขั้นถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ และขอฝากถึงห้างร้านทองต่างๆ กรณีที่มีคนนำแผ่นเศษทองมาให้ทางร้านตรวจสอบนั้นผู้ที่นำมาตรวจสอบอาจเป็นผู้เสียหายที่กำลังตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพกลุ่มนี้
/