23/11/2024

ผู้ตรวจราชการ ก.แรงงาน เปิดประชุมเชิงปฏิบัติการ ยกระดับความร่วมมือในภูมิภาค ตั้งเป้ามุ่งขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดไปในปี 2568

ผู้ตรวจราชการ ก.แรงงาน เปิดประชุมเชิงปฏิบัติการ ยกระดับความร่วมมือในภูมิภาค ตั้งเป้ามุ่งขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดไปในปี 2568

วันที่ 15 พฤษภาคม 2566 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคเพื่อนำแนวทางอาเซียนในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดไปในปี ค.ศ.2025 ไปปฏิบัติ โดยมี นาย Benedicto Ernesto R. Bitonio, Jr. ประธาน SLOM และปลัดกระทรวงด้านแรงงานสัมพันธ์ นโยบาย และการต่างประเทศ กระทรวงแรงงานและการจ้างงาน สาธารณรัฐฟิลิปปินส์

พร้อมทั้ง ประธานคณะทำงานเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักเลขาธิการอาเซียน คณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก องค์การแรงงานระหว่างประเทศ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ เข้าร่วมด้วย ณ โรงแรมโนโวเทลกรุงเทพ ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

นายสมาสภ์ กล่าวว่า ในปัจจุบันการใช้แรงงานเด็กยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยองค์การแรงงานระหว่างประเทศรายงานว่าแรงงานเด็กที่อายุระหว่าง 5 – 17 ปี มีจำนวนประมาณ 160 ล้านคน ทั่วโลก ซึ่งในกลุ่มนี้มีจำนวนประมาณ 48.7 ล้านคน อยู่ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งทุกภาคส่วนได้ร่วมกันเห็นชอบในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ดำเนินการตามแนวทางอาเซียนในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดไปในปี พ.ศ. 2568 ไปปฏิบัติ


เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดไปในส่วนของประเทศไทย ในปี พ.ศ.2565 จากรายงานกระทรวงแรงงาน พบว่า ได้มีการจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 รวมทั้งสิ้น 71,301 คน สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนงานของอาเซียนและการบูรณาการร่วมกันเกี่ยวกับตัวชี้วัดด้านศักยภาพของแรงงานเด็ก เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายในระดับภูมิภาค

นายสมาสภ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงานในฐานะหน่วยงานหลักด้านการคุ้มครองแรงงาน ได้ดำเนินการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด โดยให้ความร่วมมือกับประชาคมโลกในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดสิ้นไป ด้วยการให้สัตยาบันอนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับเด็กที่สำคัญหลายฉบับ รวมถึงร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ตามแผนการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 8.7 ที่ดำเนินการโดยทันทีและมีประสิทธิภาพเพื่อขจัดแรงงานบังคับ ยุติความเป็นทาสสมัยใหม่และการค้ามนุษย์ รวมถึงยับยั้งและกำจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด

ในด้านโครงสร้างกรอบกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็ก ประเทศไทยมีกฎหมายและระเบียบที่ห้ามการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดอย่างเพียงพอ อย่างน้อย 55 ฉบับ และมีการดำเนินงานที่สำคัญในปี พ.ศ. 2565 ได้แก่ การออกพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 29) พ.ศ. 2565 การออกกฎกระทรวง แผนปฏิบัติการ ประกาศ ตลอดจนการดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

โดยกระทรวงแรงงานได้มีการบูรณาการออกตรวจแรงงานอย่างเป็นระบบ และมีการประสานส่งต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีบทบาทและกลไกในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานเด็กที่แตกต่างกัน อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น

“กระทรวงแรงงานได้ดำเนินโครงการตามนโยบายของรัฐบาลในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายของประเทศไทยในการให้การคุ้มครองทางสังคมผ่านกลไกในรูปแบบต่าง ๆ อย่างครอบคลุม บนหลักการสิทธิมนุษยชน ไม่เลือกปฏิบัติ โดยให้ความสำคัญต่อ การศึกษาและสวัสดิการสังคม เพื่อการแก้ไขปัญหาความยากจนที่อาจส่งผลกระทบต่อเด็กโดยรวม พร้อมทั้งได้จัดให้มีการประชาสัมพันธ์ช่องทางการแจ้งเหตุร้องเรียนเกี่ยวกับแรงงานเด็กที่มีประสิทธิภาพหลายช่องทาง ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2565 รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ สำหรับการออกตรวจแรงงาน เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังการกระทำผิดที่อาจนำไปสู่การบังคับใช้แรงงานเด็กและการค้ามนุษย์อีกด้วย” นายสมาสภ์ กล่าว

“การประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในวันนี้ จะมีส่วนสำคัญที่จะได้รับความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันของอาเซียนในการต่อต้านและขจัดแรงงานเด็กในทุกรูปแบบผ่านความร่วมมือที่ครอบคลุมเพื่อจะได้นำไปปฏิบัติในด้านการดูแลและคุ้มครองแรงงานเด็กให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป”ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน กล่าวท้ายสุด

ข่าวที่น่าติดตาม