22/11/2024

ชุมพร – โกลาหล ผู้ปกครองเมายาบ้าหลอนคิดว่ากองทัพพม่าบุก รีบสะพายปืนยาวไปโรงเรียนรับลูกพาหนี

ชุมพร – โกลาหล ผู้ปกครองเมายาบ้าหลอนคิดว่ากองทัพพม่าบุก รีบสะพายปืนยาวไปโรงเรียนรับลูกพาหนี

เมื่อเวลา 07.45 น.วันที่ 29 พ.ค.66 พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.หลังสวน ได้รับแจ้งเหตุจาก 191 ว่ามีผู้ปกรองสะพายปืนยาวเข้าไปรับลูกชายอายุ 8 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.2/4 โรงเรียนภูบดินทร์พิทยาลัย เลขที่ 4/9 ถนนประชาอุทิศ ตำบลขันเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร มีลักษณะไม่น่าไว้ใจ จากนั้นจึงได้ประสานให้ พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร พร้อมชุดปฎิบัติการพิเศษราชเดช นำกำลังพร้อมอาวุธครบมือมาสบทบ

ที่เกิดเหตุเป็นโรงเรียนเอกชน มีผู้ปกครองหลายรายได้เดินทางมารับลูกหลานของตนเองหลังจากทางโรงเรียนแจ้งเหตุให้รับทราบ ส่วนผู้ปกครองที่สะพายปืนยาวได้รับลูกชายออกไปจากโรงเรียนแล้ว หลังจากครูในโรงเรียนได้พยายามพูดจาโน้มน้าวถ่วงเวลาอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากผู้ปกครองคนดังกล่าวเริ่มมีอาการหงุดหยิด แล้วสะพายปืนเดินเข้าไปจับมือลูกชายพาไปขึ้นรถยนต์มิซูบิชิ ปาเจโร่ สีขาว ทะเบียน กท 9164 ชุมพร

 

เจ้าหน้าที่จึงวิทยุสกัดตามเส้นทางที่คาดว่าผู้ปกครองรายดังกล่าวพาลูกชายตนเองออกมาโรงเรียน โดยมุ่งหน้าออกไปถนนเอเชีย 41 กำลังตำรวจอีกชุดจึงตามไปที่หมู่บ้านบ้านสวย เลขที่ 127/46 หมู่ 4 ตำบลท่ามะพลา อ.หลังสวน จ.ชุมพร เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวทรงโมเดิร์หลังใหญ่ อยู่ห่างจาก สภ.หลังสวนประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นบ้านของผู้ก่อเหตุ แต่ไม่พบตัวผูู้ปกครองและเด็ก เจ้าหน้าที่ได้ติดตามหาตัวเพื่อช่วยเหลือลูกชายที่ถูกผู้ปกครองพาตัวหลบหนีออกจากโรงเรียน เนื่องจากมีพฤติกรรมเสพยาบ้าและเกิดอาการหลอน กลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายทำอันตรายลูกชายตนเอง

ต่อมาตำรวจได้รับรายงานว่าผู้ปกครองที่ก่อเหตุ ยังขับรถวนเวียนไปทางอำเภอละแม แล้ววกกลับมาในพื้นที่อำเภอหลังสวน คาดว่าน่าจะไปบ้านย่าที่ตำบลหาดยาย แต่ยังขับหลบหนีวนเวียนไปเรื่อยๆ ตำรวจต้องไล่ตามสกัดกันวุ่นแต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งผ่านไปนานกว่า 5 ชั่วโมง ตำรวจได้รับแจ้งว่าเป้าหมายได้ขับรถยนต์วกกลับมาที่บ้านในหมู่บ้านบ้านสวย ที่อยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าใหญ่ของ อ.หลังสวน

 

เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังเข้าปิดล้อมและนำตัวพี่ชายและแม่มาช่วยเจรจา ทราบผู้ก่อเหตุคือ นายจิระพงษ์ จันทร์ทอง อายุ 29 ปี  เจ้าหน้าที่ใช้วิธีเจรจานานประมาณ 10 นาที แต่ไม่มีเสียงตอบรับออกมา พี่ชายจึงเข้าไปช่วยเจรจาภายในบ้าน โดยมีนายจิระพงษ์ยังเดินวนเวียนอยู่ภายในหน้าบ้านที่มีรั้วประตูปิดกัน ส่วนลูกชายเข้าไปอยู่ในบ้านแล้ว ต่อมาพี่ชายผู้ก่อเหตุได้นำอาวุธปืนลูกซองยาวชนิดเดี่ยวออกมามอบให้กับตำรวจ แล้วบอกว่าน้องชายตนเองมีท่าทีอ่อนลงแล้ว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถยนต์ที่ขับมาจอดอยู่หน้าบ้าน พบปืนลูกซองยาว 5 นัด วางอยู่ในรถยนต์อีก  1 กระบอก โดยทั้ง 2 กระบอก ไม่มีกระสุนอยู่ในรังเพลิง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้

 

เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกลี่ยกล่อมกับผู้ก่อเหตุที่เข้าไปอยู่ในบ้านให้ออกมาพบกับเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่ยอมออกมาจากนั้นจึงใช้ยุทธวิธีตามหลักสากลจากเบาไปหาหนัก พูดจาเกลี่ยกล่อมไปเรื่อย แต่ผู้ก่อเหตุยังเงียบไม่ตอบรับหรือยินยอมมอบตัวแต่อย่างใด  เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องเตรียมกำลังบุกเข้าไปชาร์ท เพราะกลัวว่าผู้ก็เหตุอาจจะทำร้ายลูกชายตนเอง แต่ญาติที่มาช่วยเจรจามีท่าทีไม่พอใจ เพราะกลัวว่าจะเกิดความรุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพูดจาต้องทำความเข้าใจ จึงสามรถบุกเข้าไปชาร์ทจับกุมตัวไว้ได้สำเร็จ โดยไม่มีการต่อสู้ขัดขืนแต่อย่างใด ส่วนลูกชายวัย 8 ปี ที่อยู่ด้วยกันภายในบ้านเจ้าหน้าที่นำตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย

 

เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายจิระพงษ์ มาสอบสวนที่ สภ.หลังสวน แต่ยังให้การวกวนพูดจาไม่รู้เรื่อง โดยอ้างว่า ตนเองเป็นห่วงลูกชาย หลังจากที่ตนรู้ว่ามีรถรับส่งมารับลูกชายที่บ้านย่าเพื่อไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าแล้ว  จากตนเห็นทหารพม่ากำลังบุกมา และได้ยินเสียงเครื่องบินมาด้วย จึงต้องรีบนำเอาอาวุธปืนไปรับลูกชายออกมาจากโรงเรียน เพื่อความปลอดภัยของลูกชาย จากนั้นก็พาหลบหนีไปเรื่อย เนื่องจากในหัวตนมีแต่เสียงเครื่องบินบินตามอยู่ตลอดเวลา

 

นายจิระพงษ์ ยังพูดจาเรื่องเปื่อยแบบคนหลอนยาเสพติด และยังบอกว่าระหว่างพาลกชายหลบหนียังมาเจอสุนัขตัดหน้าและลอยเหินข้ามรถยนต์ตนอีก จนเจ้าหน้าที่ถึงกับเวียนหัวไปตามๆกัน เมื่อถามว่าเสพยาบ้าหรือไม่ นายจิระพงษ์ตอบว่าเมื่อวานเพิ่งจะเสพไป 2 เม็ด และเสพเป็นประจำ แต่วันนี้ยังไม่ได้เสพเลย

 

พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.หลังสวน ร่วมกันกล่าวว่า หลังได้รับแจ้งก็ส่งกำลังไปถึงภายใน 10 นาทีถึงที่โรงเรียน แต่ผู้ปกครองรายดังกล่าวพาลูกชายกลับบ้านแล้ว เมื่อตามไปก็ยังไม่พบ จึงให้ตำรวจคอยเฝ้าระวังไว้ และให้ตำรวจอีกชุดตามตามผู้ก่อเหตุ จนกระทั่งผู้ก่อเหตุพาลูกชายเข้ามาที่บ้าน จึงพาญาติมาเกลี่ยกล่อมและบุกชาร์ทจับกุมได้ดังกล่าว

 

พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร กล่าวว่าจาการสอบสวนผู้ก่อเหตุพูดจาวกวน น่าจะเกิดจากหลอนยาเสพติด จากการตรวจสอบประวัติเคยถูกจับกุมเป็นผู้จำหน่ายยาบ้า ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี 8 เดือน

 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายจิระพงษ์ส่งไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดที่ โรงพยาบาลหลังสวน

ซึ่งยังไม่ทรบผล โดยแจ้งข้อหาเบื้องต้นไว้ก่อน พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาไปในเมือง ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนข้อหาอื่นๆอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน

 

สำหรับ นายจิระพงษ์ จันทร์ทอง มีอาชีพเป็นเจ้าของสวนทุเรียนประมาณ 10 ไร่ เป็นคนมีฐานะดี ซื้อบ้านเดี่ยวหลังสวนงามอยู่ในหมู่บ้านบ้านสวย ตามลำพังคนเดียว ส่วนภรรยาเลิกกันได้ประมาณ 1 ปี ส่วนลูกชายวัย 8 ขวบ อาศัยอยู่กับย่า ที่หมู่ 13 ตำบลหาดยาย ห่างจากบ้านผู้ก่อเหตุประมาณ 10 กิโลเมตร และผู้ก่อเหตุรักลูกชายตนเองมากมักจะไปเยี่ยมและพาลูกชายมาอยู่ด้วยที่บ้านเป็นประจำ เมื่อเกิดอาการหลอนยาบ้า จึงเป็นห่วงลูกชายแล้วรีบบุกไปที่โรงเรียนพาลูกชายจะกลับบ้านดังกล่าว

ธนากร โกศลเมธี รายงาน 0818923514

ข่าวที่น่าติดตาม