ตร. สั่งปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เร่งสืบสวนจับกุมร้านจำหน่ายทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ชี้ฝ่าฝืนมีโทษหนัก ปรับ 5,000 จำคุก 5 ปี
ตร. สั่งปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เร่งสืบสวนจับกุมร้านจำหน่ายทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ชี้ฝ่าฝืนมีโทษหนัก ปรับ 5,000 จำคุก 5 ปี
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป 2 ) ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม เปิดเผยว่า ได้กำชับให้พื้นที่โดยรอบโรงเรียนและสถานศึกษาต้องปลอดจากบุรี่ไฟฟ้า ด้วยปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มของเด็กและเยาวชนมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้ากันอย่างแพร่หลาย มีช่องทางการจำหน่ายทางออนไลน์ที่สามารถซื้อขายได้ง่าย รัฐบาลจึงให้ความสำคัญในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า โดยให้ทุกหน่วยงานราชการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
พล.ต.ท.นิรันดรฯ กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จึงมีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่กวดขันจับกุมการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด และมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.(ปป) และ ตนประชุมขับเคลื่อนมาตรการในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
ร่วมกับผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ รอง ผบช.น. , รอง ผบช.ภ. 1-9, รอง ผบช.สอท., รอง บช.ก. และ ผบก.ปคบ. พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ รองเลขาธิการคณะกรรมกาคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมประชุมครั้งนี้
โดยได้มีการชี้แจงข้อกฎหมาย ฐานความผิดของผู้ลักลอบนำเข้า ผู้จำหน่ายและผู้ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ตลอดจนกำหนด แนวทางในการสืบสวนจับกุม รวมถึงมาตรการประชาสัมพันธ์และให้ความรู้กับชุมชนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในระดับพื้นที่ ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.(ปป) ประธานการประชุม ได้สั่งการให้ทุกหน่วยดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง
ดังนี้
(1.) เน้นยำให้ทุก สน.,สภ. สืบสวนจับกุมร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ในพื้นที่โดยรอบ
โรงเรียน และสถานศึกษาทุกแห่ง ต้องทำให้สถานศึกษาเป็นเขตปลอดบุหรี่ไฟฟ้า
(2.)ให้ทุกหน่วยนำข้อมูลร้านค้าบุหรี่ไฟฟ้าเป้าหมาย ซึ่งมีทั้งร้านจำหน่ายที่มีหน้าร้านและเว็บไซต์ที่จำหน่ายช่องทางออนไลน์ โดยข้อมูลเป้าหมายดังกล่าวเป็นข้อมูลทั่วประเทศ ที่ ตร.ได้รวบรวมจากการข่าว การแจ้งเบาะแสของประชาชนและภาคีเครือข่าย จึงให้ทุกกองบัญชาการนำข้อมูลดังกล่าวมากำหนดเป้าหมายในการเข้าตรวจค้นจับกุม โดยทุกกองบัญชาการจะต้องมีผล
การจับกุมที่เป็นรูปธรรม
(3.) ให้ บก.ปคบ. และ บช.สอท. รับผิดชอบสืบสวนจับกุม ผู้กระทำผิดรายใหญ่
โดยเฉพาะการจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ ที่เป็นเครือข่ายระดับประเทศ เพื่อตัดวงจรการกระจายสินค้าไปยังร้านค้ารายย่อย
(4.) ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงข้อกฎหมาย ความผิดและอัตราโทษ
ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า และอันตรายจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานด้านชุมชนสัมพันธ์ ของทุกสถานีตำรวจ ซึ่งต้องเข้าไปให้ความรู้แก่ชุมชน โรงเรียน หรือสถานศึกษาเพิ่มเติมความรู้ในข้อกฎหมายและอันตรายจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว
หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ. กิตติ์รัฐฯ ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่า บุหรี่ไฟฟ้าแทบทุกชนิดมีส่วนผสมของนิโคตินซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย การสูบบุหรี่ไฟฟ้านอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพแล้ว การมีไว้ในครอบครอง อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ซึ่งโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ และการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเขตปลอดบุหรี่ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 ซึ่งมีโทษปรับทางพินัยไม่เกิน 5,000 บาทอีกด้วย ทั้งนี้ หากประชาชนพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งข้อมูลเบาะแสได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ หรือสายด่วน 1599″