ระยอง-ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าคดีไฟไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีวินโพรเสส พบหลักฐานใหม่ หลังเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม นำรถแบคโฮขุดตักดิน
ระยอง-ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าคดีไฟไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีวินโพรเสส พบหลักฐานใหม่ หลังเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม นำรถแบคโฮขุดตักดิน
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 มิ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามคดีโรงงานเก็บกากสารเคมีวินโพรเสส ม.4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ไฟไหม้ และประชุมติดตามความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนที่ สภ.บ้านค่าย
พล.ต.ท.ธัชชัย เปิดเผยว่า วันนี้ช่วงเช้าได้เดินทางไปที่ จ.อยุธยา ที่ อ.อุทัย และ อ.ภาชี ทั้ง 2 แห่ง เป็นจุดที่มีการเก็บสารเคมีวัตถุอันตรายของโรงงานดังกล่าว ซึ่งในช่วงที่หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ ตำรวจได้มีการออกหมายจับนายโอภาส บุญจันทร์ เจ้าของโรงงาน ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัย ว่าเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องทั้งหมด ออกหมายจับไปแล้ว 3 หมาย ซึ่งหมายจับสุดท้ายคือ สภ.บ้านค่าย ซึ่งทางตำรวจได้คัดค้านการประกันตัว ซึ่งศาลจังหวัดระยอง ได้มองเห็นว่าเป็นคดีสำคัญกระทบต่อ ปชช.ในวงกว้าง จึงไม่ได้ให้มีการประกันตัว
ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจ ได้มีการขยายผลไปใน 6 จว. ซึ่งพบว่ามีการเกี่ยวข้องกับโรงงานวินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จ.นครราชสีมา จ.เพชรบูรณ์ จ.อยุธยา จ.นนทบุรี และ จ.ชลบุรี ซึ่งทั้งหมดได้มีการสืบสวนขยายผลใน 2 ส่วน คือในเรื่องกฎหมายสิ่งแวดล้อม และคดีอาญา รวมทั้งคดีเพลิงไหม้ที่ อ.ภาชี และที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยองแห่งนี้ว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาวางเพลิง หรือเป็นเหตุความประมาท แต่สิ่งที่พบคือ ผู้ต้องสงสัยได้มีการเอากากสารพิษที่ไปประมูลมา โดยไม่ได้มีเจตนากำจัดสารพิษ มีการเช่าโรงงานในพื้นที่ต่างๆ นำสารพิษดังกล่าวทิ้งในโรงงานที่เช่า หรือทิ้งในพื้นที่ป่าสงวน และพื้นที่สาธารณะ ซึ่งสารพิษเหล่านี้มีความเป็นอันตรายมากส่งผลให้ถึงตายได้ โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว โปร่งใส และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้อง
ซึ่งทาง รรก.ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ตน เข้ามาดำเนินการในเรื่องนี้ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในหลายพื้นที่ ในส่วนของคดีขณะนี้ตำรวจทุกหน่วยทั้งระยอง อยุธยา นครราชสีมา เพชรบูรณ์ และตำรวจ ปดส. กำลังเร่งรัดสืบสวนขยายผลให้ปรากฎข้อเท็จจริง เพื่อให้พี่น้อง ปชช. ทราบ ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการแจ้งข้อหาจำนวนหลายคนแล้ว รวมทั้งออกหมายจับคนที่หลบหนีไปแล้วด้วย ซึ่งคนที่หลบหนีอยู่จะไม่เป็นประเด็นในการส่งฟ้อง ซี่งพยานหลักฐานมีเพียงพอจะสั่งฟ้องได้ ซึ่งตำรวจ จะเร่งทำความจริงให้ปรากฎโดยเร็ว ส่วนหลักฐานที่มีการพบในวันนี้ จะมีการแจ้งข้อเพิ่ม ซึ่งเป็นหลักฐานใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลัง ซึ่งจะต้องมีการดำเนินคดีเพิ่มเติม โดยเฉพาะการสืบย้อนหลังไปถึงจุดที่พบหลักฐานใหม่จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย รวมทั้งไม่ว่าจะได้มาซึ่งสารเคมี ครอบครอง การออกใบอนุญาต การขนส่ง หรือการเอาสารเคมีลงในดินที่สาธารณะ ทางตำรวจจะมีการดำเนินคดีให้ครบทั้งหมด
ทั้งกฎหมายสิ่งแวดล้อม และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาญาทั้งหมด ทั้งนี้ในการดำเนินคดีทางตำรวจพบความเชื่อมโยงทั้งทางอยุธยา เพชรบูรณ์ ระยอง นครราชสีมา และชลบุรี สำหรับโรงงานที่ อ.ภาชี ขณะนี้ตำรวจพบพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการโดยมีเจ้าหน้ากรมโรงงานฯ ไปร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว ส่วนความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ทั้ง 2 แห่งที่ จ.ระยอง และอยุธยา ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล โดยทางสืบสวนได้มีการลงพื้นที่เก็บหลักฐาน พร้อมทั้งเอาผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก และมีความชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งกรมโรงงานฯ จะมาให้ข้อมูลเกี่ยวสารเคมีในโรงงานฯ ด้วย เพื่อประกอบสำนวนคดีให้ครบถ้วน นอกจากนี้ยังจะใช้กฎหมายฟอกเงินเข้ามาดำเนินดารด้วย ซึ่งขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนอยู่ในระหว่างกำลังดำเนินการ หากมีความผิดเข้าข่ายยึดทรัพย์ ก็จะดำเนินการทันที ป้องกันผู้ต้องหาโยกย้ายทรัพย์สินหนี
ด้านนายโกเมน ผิวพุ่ม นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ได้นำเจ้าหน้าที่จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม นำรถแบคโฮมาขุดตักดินภายในโรงงาน ซึ่งเป็นการสุ่มใน 6 จุด ตามที่ชาวบ้านในพื้นที่ร้องขอหลังมีการลักลอบฝังสารเคมีไว้บริเวณจุดดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านยืนยันเมื่อช่วงปี 2556-2563 จุดดังกล่าว มีการขุดเป็นบ่อขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 10 คูณ 20 เมตร จำนวน 3 บ่อ มีการสารเคมีเทลงบ่อจนเต็ม ก่อนถมด้วยดินปรับจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมของบ่อ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่มาขุด เพื่อนำดินไปตรวจสอบค่าดินหาสารเคมีปนเปื้อน
นายโกเมน เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีชาวบ้านร้องว่า ภายในโรงงานมีการลักลอบฝังสารเคมีไว้ตามที่ระบุ จึงได้นำรถแบคโฮมาขุดดิน เพื่อนำไปตรวจสอบหารสารเคมีปนเปื้อนในดิน ทั้งยังเป็นการแสวงหาหลักฐานใหม่ เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของโรงงานด้วย เบื้องต้นผลตรวจสอบค่าดิน ซึ่งจากการตรวจสอบพบกากอะลูมิเนียมดรอส ถูกฝังในดิน จำนวน 5 จุดที่ขุดลงไปเพียง 1 เมตรจาก 4 เมตร ก็เจอแล้ว ถือเป็นหลักฐานใหม่ที่แจ้งดำเนินคดีกับเจ้าของโรงงาน โดยทางผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่เดินทางมาติดตามคดี ก็ได้ให้ตำรวจชุดสืบสวนเก็บพยานหลักฐานใหม่ที่พบในวันนี้ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของเพิ่มด้วย.