23/11/2024

กาฬสินธุ์ผงะ “ยาบ้าแลกค่าแรง” แก๊งมอดไม้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติดงระแนงนับพันไร่

นายอำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ นำชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และอาสาสมัครพิทักษ์ป่า ลาดตระเวนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดงระแนง รอยต่อตำบลคลองขาม-ตำบลเขาพระนอน เพื่อป้องกันเหตุแก๊งมอดไม้ลอบตัดไม้เศรษฐกิจในช่วงฤดูฝน ผงะพบมีบุกรุกพื้นที่เพิ่มกว่า 1,000 ไร่ เผยนายทุนแจกยาบ้าแก๊งมอดไม้แทนค่าแรง ในขณะที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ระบุ ที่ผ่านมาสามารถยึดรถไถ รถยนต์ ล้อลากและไม้ของกลางเป็นจำนวนมาก

 

วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณป่าสงวนแห่งชาติดงระแนง เขตรอยต่อระหว่าง ต.คลองขาม-ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายเอกรัตน์ มิสา นายอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายสุขสันต์ ภูทองทิพย์ กำนันตำบลคลองขาม นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และอาสาสมัครพิทักษ์ป่า ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย หลังได้รับแจ้งจากจากชาวบ้านว่า มีการบุกรุกป่าสงวนฯ เพื่อปลูกมันสำปะหลังเป็นบริเวณกว้าง

นายเอกรัตน์ มิสา นายอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนทุกปี จะมีเหตุลักลอบตัดไม้ยูคาลิปตัส ไม้สักทอง และไม้เศรษฐกิจอื่นๆในผืนป่าสงวนแห่งชาติดงระแนง รวมทั้งมีเหตุบุกรุกป่าเพื่อปลูกมันสำปะหลัง และอ้อยเพิ่มขึ้นเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่ามีนายทุนอยู่เบื้องหลัง เนื่องจากมีอุปกรณ์ทันสมัยในการยกไม้ ชักลากและขนย้ายไม้ ก่อเหตุในช่วงกลางคืนและฝนตก ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว จะเป็นอุปสรรคในการเฝ้าระวังและตรวจตราของเจ้าหน้าที่ แต่กลับเป็นโอกาสดีของแก๊งมอดไม้ ลักลอบเข้ามาตัดไม้อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย จากข้อมูลพบว่าผู้ที่เข้ามาตัดส่วนใหญ่เป็นชาวบ้าน มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จึงไม่มีความสำนึก และเลือกตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ติดถนน เพราะง่ายต่อการขนย้าย ซึ่งไม้ที่ตัดไปขายหรือแปรรูปในช่วงฤดูฝน จะมีน้ำหนักมากกว่าในฤดูแล้ง จึงนำไปขายได้ราคาสูงกว่า

นายเอกรัตน์กล่าวอีกว่า ในการสำรวจพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดงระแนงในครั้งนี้ อยู่บริเวณพิกัดที่ส่วนทางราชการที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ในยุค คสช.ได้สนธิกำลังยึดคืนพื้นที่จากกลุ่มนายทุนและชาวบ้านที่บุกรุก ตามยุทธการทวงคืนผืนป่าดงระแนง เมื่อปี 2557 กว่า 10,000 ไร่ นอกจากจะพบร่องรอยการตัดไม้ การขนย้ายไม้ออกไปแล้ว ยังพบว่ามีการบุกรุกอีกและขยายพื้นที่ทำลายผืนป่าเพิ่มขึ้นมาก โดยเชื่อว่าเป็นฝีมือนายทุนและชาวบ้านกลุ่มเดิม ประเมินพื้นที่บุกรุกเบื้องต้นไม่น้อยกว่า 1,000 ไร่ทีเดียว โดยพฤติกรรมการก่อเหตุคือกระทำในเวลากลางคืนที่มีฝนตก ทั้งในกรณีลักลอบตัดไม้ ในในกรณีบุกรุกพื้นที่โดยใช้รถไถ เพื่อปลูกอ้อยและปลูกมันสำปะหลังในเวลากลางคืน

“ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้และทางตำรวจว่า ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาและยึดของกลาง เช่น รถไถ รถยนต์ เครื่องมือตัดไม้ ไม้ของกลาง อย่างต่อเนื่อง โดยนำไปเก็บรักษาที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.1 (ดงมูล) ต.คำใหญ่ อ.ห้วยเม็ก อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ทางฝ่ายปกครองอำเภอ ยังได้ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ความรู้ ปลุกจิตสำนึกชาวบ้าน ในพื้นที่ติดต่อกับป่าสงวนแห่งชาติดงระแนง ให้ร่วมกันเฝ้าระวังก่อก่อเหตุลักลอบตัดและบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนฯ รวมทั้งฝึกอบรมทักษะให้กับ ชรบ.หมู่บ้าน และอาสาพิทักษ์ป่าด้วย แต่กลุ่มนายทุนก็ยังว่าจ้างชาวบ้านที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งมีทั้งให้ทั้งค่าจ้างและให้ยาบ้าเสพแทนค่าแรงทำการบุกรุก โดยฉวยโอกาสช่วงเวลากลางคืนดังกล่าว” นายเอกรัตน์กล่าวในที่สุด

 

ด้านนางฉวีวรรณ ภูเชิดสาย อาสาพิทักษ์ป่าสงวนแห่งชาติดงระแนงกล่าวว่า หลังจากได้ร่วมลาดตระเวน เดินสำรวจความเสียหายแล้ว รู้สึกสลด หดหู่ใจเป็นอย่างมาก เพราะพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดงระแนง ที่ตั้งแต่เกิดมาเห็นความอุดมสมบูรณ์ แต่วันนี้กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม มีร่องรอยการบุกรุกทั่วไป และขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่แปลงปลูกป่าผืนนี้ประมาณ 10 ไร่ บริเวณรอยต่อบ้านหนองหล่ม ต.คลองขาม กับบ้านหนองกุง ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด ที่เคยยึดคืนพื้นที่กลับมาจากนายทุน เพื่อทำการปลูกต้นไม้หวังฟื้นฟูสภาพป่า กลับมีแต่ความว่างเปล่า

 

“โดยผืนป่าแปลงนี้ ทางจังหวัดได้ร่วมกับป่าไม้ ฝ่ายปกครอง ชุมชน เยาวชนและจิตอาสา ร่วมกันปลูกเมื่อเดือน ส.ค.66 ที่ผ่านมา แต่วันนี้กลับพบว่าแทบจะไม่มีต้นไม้ที่ปลูกไว้เหลืออยู่เลย จากการสำรวจมีร่องรอยการรื้อถอน เหลือเพียงไม้ค้ำ และพื้นที่ว่างเปล่าดังกล่าว เห็นแล้วเศร้าใจ ทางราชการใช้งบประมาณจัดกิจกรรมปลูกป่าแต่ละครั้งเป็นจำนวนมาก ทุกคนที่มาร่วมกันปลูกต้นไม้มาด้วยความยินดีและอิ่มเอมใจ ว่าจะได้ฟื้นคืนผืนป่าให้กลับมาร่มรื่น เป็นแหล่งอาหารชุมชน เป็นทรัพยากรของแผ่นดินให้ลูกหลานร่วมอนุรักษ์สืบไป แต่เมื่อได้มาเห็นสภาพถูกทำลาย และเกิดความเสียหายอย่างนี้ก็รู้สึกเสียใจมาก อยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจริงจังในการป้องกัน และมีมาตรการดำเนินคดีกับผู้บุกรุกทำลายป่าให้ถึงที่สุด” นางฉวีวรรณกล่าว