25/11/2024

เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท และ สิงห์ เอสเตท ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ แอสคอทท์ มุ่งยกระดับธุรกิจโรงแรมในสหราชอาณาจักร

เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท และ สิงห์ เอสเตท ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ แอสคอทท์
มุ่งยกระดับธุรกิจโรงแรมในสหราชอาณาจักร

สองพันธมิตรยักษ์ใหญ่ ผนึกกำลังกันเป็นครั้งแรกในสหราชอาณาจักร
เพื่อเสริมสร้างและยกระดับกลยุทธ์พอร์ตโฟลิโอของทั้งสองบริษัท

คุณฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สิงห์ เอสเตท (ที่ 3 จากขวา) ถือสัญญาลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ เควิน โกห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด (ที่ 3 จากซ้าย), ร่วมด้วย นายไมเคิล มาร์แชล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (ที่ 2 จากขวา) คาร์ลิง หว่อง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์แอสคอทท์ และกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ที่ 2 จากซ้าย) นายอิศรินทร์ ภัทรมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (ขวา) และคุณเซเรน่า ลิม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโตองค์กร(ซ้าย)

กรุงเทพฯ ประเทศไทย – บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (SET: SHR) ผู้นำด้านธุรกิจโรงแรม และ
รีสอร์ทระดับนานาชาติในเครือ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (SET: S) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับนานาชาติ ประกาศการร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด (The Ascott Limited (SGX: Ascott) บริษัทผู้บริหารโรงแรมในเครือ แคปปิตอลแลนด์ อินเวสเม้นท์ (CapitaLand Investment (SGX: CLI) การจับมือกันครั้งนี้ จะช่วยให้ แอสคอทท์ สามารถขยายพอร์ตโฟลิโอในสหราชอาณาจักร ผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท

การร่วมมือกันระหว่าง เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (ภายใต้สิงห์ เอสเตท) และแอสคอทท์ ถือเป็นครั้งแรกที่แบรนด์โรงแรมชั้นนำของเอเชียสองแห่ง ร่วมมือทางธุรกิจเพื่อรุกตลาดหรือขยายกิจการในอังกฤษ การเป็นพันธมิตรครั้งนี้นับเป็นกลยุทธ์ ก้าวสำคัญของ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ในการดึงศักยภาพของกลุ่มโรงแรมในอังกฤษให้ได้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการขยายตัวของ แอสคอทท์ในยุโรป ทั้งสองบริษัทยังมีแผนขยายความร่วมมือไปยังประเทศอื่น ๆ อีกในอนาคต

สำหรับ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ตลาดอังกฤษถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของแบรนด์ โดยมีโรงแรมในเครือ 25 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งหมด 2,678 ห้อง ดังนั้นการร่วมมือในครั้งนี้จะมีบทบาทสำคัญต่อการช่วยเพิ่มความหลากหลายของพอร์ตโฟลิโอ และเสริมสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่บริษัท บรรลุเป้าหมายรายได้รวมทั้งปี 2567 ที่ 11,000 ล้านบาท (ประมาณ 299 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

คุณฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับแอสคอทท์ ในการยกระดับพอร์ตโรงแรมของเราในสหราชอาณาจักร รวมถึงการมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมให้กับผู้เข้าพักผ่านการบริหารงานระดับนานาชาติสำหรับโรงแรม บนทำเลศักยภาพสูงเพื่อนำไปสู่การขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และสร้างผลตอบแทนทางการเงินที่ยั่งยืน ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเรายิ่งขึ้นในฐานะบริษัทพัฒนา และลงทุนชั้นนำระดับนานาชาติ”

คุณไมเคิล มาร์แชลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท กล่าวว่า “นี่เป็นอีกก้าวสำคัญในกลยุทธ์ธุรกิจ SHR เรายังคงมีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับกลุ่มโรงแรมของเรา ด้วยการร่วมมือกับแบรนด์โรงแรมระดับนานาชาติ เพื่อขยายตลาดสหราชอาณาจักร และเสริมสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ ๆ”

คุณเควิน โกห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอสคอทท์ กล่าวว่า “ในฐานะบริษัทด้านการบริการที่มีรากฐานที่มั่นคงจากเอเชีย ซึ่งมีประสบการณ์ยาวนานถึง 40 ปี รวมถึงมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับเจ้าของโรงแรมในภูมิภาคนี้ อันเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของแอสคอทท์ เราตั้งมั่นที่จะสนับสนุนเครือข่ายหุ้นส่วนของเรา ด้วยการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ และกระชับความสัมพันธ์กับเจ้าของโรงแรมที่เป็นพันธมิตรกันมาก่อนหน้า ไปพร้อม ๆ กับการขยายธุรกิจของแอสคอทท์ไปทั่วโลก”

คุณเซเรน่า ลิม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโตองค์กร แอสคอทท์ กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ สิงห์ เอสเตท และ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ในการขยายการเติบโตของเราในสหราชอาณาจักร ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของแอสคอทท์ ในการมอบประสบการณ์การต้อนรับที่ยอดเยี่ยม และสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับที่พักในยุโรป ความมุ่งมั่นของเราในการขยายธุรกิจของแอสคอทท์ ในทำเลเชิงกลยุทธ์ทั่วโลกนั้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของพันธมิตรของเราในการขยายพอร์ตโฟลิโอการบริการของพวกเขาผ่านการพัฒนาที่เป็นนวัตกรรมและมีคุณภาพสูง ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเครื่องหมายของการเติบโตอย่างรวดเร็วของแบรนด์เราไปยังจุดหมายปลายทางใหม่ แต่ยังตอกย้ำความมั่นใจที่เจ้าของโรงแรมแต่ละแห่งมีต่อแอสคอทท์ด้วยเช่นกัน”