พร้อมดูแลดุจครอบครัว! ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ และตำรวจทางหลวง นำขบวนเปิดทางกว่า 450 กิโลเมตร ส่งทารกอายุ 14 วัน และเด็กน้อย 3 ขวบป่วยวิกฤตถึงโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็วใน 4 ชั่วโมง
พร้อมดูแลดุจครอบครัว! ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ และตำรวจทางหลวง นำขบวนเปิดทางกว่า 450 กิโลเมตร ส่งทารกอายุ 14 วัน และเด็กน้อย 3 ขวบป่วยวิกฤตถึงโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็วใน 4 ชั่วโมง
วันนี้ (8 พฤศจิกายน 2567) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ที่มุ่งให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่พี่น้องประชาชน พร้อมป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งได้กำชับเน้นย้ำให้ทุกหน่วยนำไปขับเคลื่อนให้มีผลปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และล่าสุดขอชื่นชมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร และตำรวจทางหลวง อำนวยความสะดวกการจราจร เร่งนำส่งเด็กมีอาการป่วยวิกฤต 2 เคส จากจังหวัดขอนแก่นส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประชาชน รวมถึงตำรวจทางหลวง ตำรวจจราจรท้องที่ และเจ้าหน้าที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จึงสามารถนำส่งผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
โดยเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 08.27 น. ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้รับการประสานงานจากโรงพยาบาลขอนแก่น ว่ามีผู้ป่วยเป็นเด็กทารกแรกเกิดอายุ 14 วัน มีภาวะหลอดเลือดใหญ่หัวใจสลับขั้ว ทางเดินหายใจตีบแคบ ใช้เครื่องช่วยหายใจ ต้องส่งเข้ารับการรักษาต่อที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร เมื่อได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้เข้าสนับสนุนบริเวณ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดทางนำส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว
ต่อมาวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 06.00 น. ได้รับการประสานงานจากโรงพยาบาลขอนแก่น ว่าต้องการตำรวจนำขบวนเปิดเส้นทางเพื่อส่งตัวเด็กหญิง อายุ 3 ปี 4 เดือน ป่วยปอดติดเชื้อขั้นรุนแรง ไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพมหานคร ตำรวจทางหลวงจึงได้นำเปิดเส้นทาง จนถึง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริได้เข้าสมทบ นำขบวนเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว และนำส่งผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเคสนี้เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้เวลาในการเดินทางให้น้อยที่สุด จึงต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเปิดเส้นทางเร่งด่วน เพื่อนำผู้ป่วยวิกฤตส่งรักษาต่อยังแพทย์เฉพาะทางโดยเร็วที่สุด เนื่องด้วยระยะทางไกลกว่า 450 กิโลเมตร หากไม่มีรถนำ รถพยาบาลจะสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก ไม่สามารถทำเวลาได้เต็มที่และอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง พล.ต.ท.ประจวบฯ จึงได้สั่งการให้ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ตำรวจทางหลวง และตำรวจท้องที่เข้าช่วยเหลืออำนวยความสะดวกนำขบวนเปิดเส้นทางโดยทันที เมื่อได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้นในการเดินทาง และถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ประจวบฯ และ พล.ต.ท.กรไชยฯ ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ตำรวจทางหลวง รวมถึงตำรวจท้องที่ทุกนาย ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมช่วยเหลือ ดูแล และอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ ไม่ว่าจะเหตุด่วน เหตุร้าย เหตุฉุกเฉิน ขอให้นึกถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราพร้อมดูแลทุกท่านดุจสมาชิกในครอบครัว
ด้าน พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาสัมพันธ์ว่า หากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือประสบเหตุ สามารถแจ้ง ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทางช่องทาง
– โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ
– โทร. 1197 สายด่วนตำรวจจราจร ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
– โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ
– โทร. 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ