ระยอง-ผู้ว่าฯ ระยอง ยันพอใจผลการกวาดล้างยาเสพติด เร่งขยายผลจากนักค้ายารายย่อย จับเครือข่ายรายใหญ่ซุกตามรอยต่อจังหวัด
ระยอง-ผู้ว่าฯ ระยอง ยันพอใจผลการกวาดล้างยาเสพติด เร่งขยายผลจากนักค้ายารายย่อย จับเครือข่ายรายใหญ่ซุกตามรอยต่อจังหวัด
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.67 นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนโครงการ ‘ปลุกพลังนิคมอุตสาหกรรม ต้านยาเสพติด’ ในพื้นที่ จ.ระยอง ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงาน ปปส.ภาค 2 ที่โรงแรมโกลเด้นซิตี้ระยอง อ.เมืองระยอง มีหน่วยงานภาครัฐ และผู้แทนผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมใน จ.ระยอง ร่วมประชุมฯ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างนายจ้าง และลูกจ้างในการเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดไม่ให้แพร่ระบาดเข้าสู่สถานประกอบการ สนับสนุนให้สถานประกอบการ มีระบบการจัดการปัญหายาเสพติด และมีระบบดูแลช่วยเหลือลูกจ้าง นำลูกจ้างเข้าสู่กระบวนการบำบัดยาเสพติดและรับกลับเข้าทำงาน ตลอดจนส่งเสริมให้สถานประกอบการให้โอกาสรับผู้ผ่านการบำบัดรักษายาเสพติดเข้าทำงาน
นายไตรภพ เปิดเผยว่า ในส่วนของ จ.ระยอง โดยความร่วมมือของกองบังคับการตำรวจภูธร จ.ระยอง สำนักงาน ปปส.ภาค 2 ได้ร่วมกันดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในช่วง 2 ปีเศษที่ตนดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ระยอง มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปีนี้ทาง ปปส.ภาค 2 ได้กำหนดให้ จ.ระยอง นำร่องในภาคตะวันออก ซึ่งก็ได้มีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนายอำเภอทั้ง 8 อำเภอ กำหนดมาตรการคือ 1.สืบสวน สอบสวน จับกุมและตรวจค้นอย่างเข้มข้น 2.ปูพรมตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะในกลุ่มเสี่ยงทุกรูปแบบ และให้สาธารณสุขจังหวัดหาสถานที่รองรับผู้ป่วยจิตเวชจากการเสพสารเสพติดเพื่อให้กลับตัวเป็นคนดี และ 3.ให้แรงงานจังหวัด ไปหามาตรการรองรับบุคคลที่เสพผ่านการบำบัดแล้วพร้อมกลับคืนสู่สังคม เข้าทำงาน
นายไตรภพ เปิดเผยต่อว่า ในการปราบปรามยาเสพติด ทุกภาคส่วนของ จ.ระยอง จะดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งจะมีการประเมินข้อมูลเบื้องต้นภายใน 3 เดือน แต่ในพื้นที่เป้าหมายที่กำหนดให้ยาเสพติดเป็นศูนย์ โดยเฉพาะ ต.ตะพง อ.เมืองระยอง ตั้งเป้าให้เป็นศูนย์ภายใน 6 เดือน ส่วนการปราบปรามที่ผ่านมา ถือว่าพอใจในระดับนึง เนื่องจากทุกวันนี้ยิ่งจับยิ่งเจอ สถิติการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดของฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ผ่านมา จับได้เพียงรายย่อย และจับรายวัน ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปขยายผลต่อเพื่อหาเครือข่ายรายใหญ่ โดยกดดันให้หนักขึ้น ซึ่งข้อมูลพบว่าผู้ค้ารายใหญ่ไปหลบซ่อนตัวอยู่ตามเขตพื้นที่รอยต่อของจ.ระยอง ชลบุรี และจันทบุรี.
